นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ภายในปีนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยเป็นโฮลดิ้งคัมปานีที่มีกลุ่มจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้น 100% ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งให้ บล.ภัทร และ บล.บัวหลวง เป็นทึ่ปรึกษาทางการเงิน
ขั้นตอนจากนี้รอให้ บมจ.โรบินสัน (ROBINS) จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิกถอนหุ้นของ ROBINS ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET คาดว่าจะใช้เวลา 3-6 เดือน
นายญนน์ กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทลฯ ต้องการเปลี่ยนจากธุรกิจครอบครัว(Family) ไปสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียน (Listed Company) ซึ่งจะทำให้การหาพันธมิตรทั้งในภูมิภาคหรือในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกดำเนินการได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกัน เซ็นทรัล รีเทลฯ จะเป็นจุดดึงดูดในระดับอินเตอร์เนชั่นแนลได้ดี รวมทั้งการระดมทุนผ่านช่องทางตลาดหลักทรัพย์เป็นเครื่องมือในการหาแหล่งเงินทุนได้หลากหลาย
"เราได้เตรียมตัวมา 3 ปีแล้ว เราได้ปรับโครงสร้างธุรกิจให้ถูกต้องก่อน เราได้เสริมสร้างธุรกิจให้แข็งแรง เรามีธุรกิจที่ครบเครื่อง และสร้างธุรกิจใหม่ เซ็นทรัลเราเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เราไม่ได้รอให้ถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง" นายญนน์ กล่าว
นายญนน์ กล่าวว่า ในปี 61 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 2.4 แสนล้านบาท เติบโต 8%ของปีก่อนหน้า แบ่งเป็น สินค้าอาหาร (Food) สัดส่วน 43% สินค้าแฟชั่น สัดส่วน 35% และ กลุ่มฮาร์ดไลน์ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีสัดส่วน 22% ขณะที่แบ่งเป็นรายประเทศ เป็นยอดขายในประเทศ 77% ในเวียดนาม 14-15% และในอิตาลี 8.5%
ส่วนในปี 62 คาดว่ายอดขายจะเติบโตเท่ากับ 1.8-2 เท่าของอัตราการเติบโตของจีดีพี หรือ เติบโตราว 6-7% โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ตลาดค้าปลีกในประเทศมีลักษณะซึมตัว แต่ในช่วงครึ่งปีหลังก็คาดว่าตลาดจะปรับตัวดีขึ้น หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว และคาดหวังมีการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ส่วนเงินลงทุนในปีนี้ที่ตั้งไว้ 4-5 หมื่นล้านบาท
ธุรกิจเซ็นทรัล รีเทล มีเอกลักษณ์จากธุรกิจค้าปลีก ครอบคลุม 3 กลุ่มหลัก คือแฟชั่น ฮาร์ดไลน์ ฟู้ด (Multi-category) ในหลากหลายรูปแบบ (Multi-format)ทั้งในห้างสรรพสินค้าและออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ (Multi-market) ที่เวียดนามและอิตาลี
"เซ็นทรัล รีเทล มีครบทุกรสชาติ โดยตัวของมันเองมีความกลมกล่อม ยืดหยุ่น และพร้อมเปลี่ยนแปลง"
นายญนน์ กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทล มีความพร้อมในการต่อยอดและยกระดับศักยภาพการแข่งขันและเติบโตครั้งใหม่ ที่เรียกว่า Central Retail Economy ที่ประกอบด้วย Business Highlights ที่มีฐานะเป็นผู้นำตลาดค้าปลีก, Thriving Ecosystem ระบบนิเวศที่เชื่อมโยงแต่ละโมเดลทางธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันจนนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และ Clear Positioning to Win กลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้
ด้านนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร เซ็นทรัล รีเทล กล่าว่า เซ็นทรัล รีเทล เติบโตจากธุรกิจครอบครัว เมื่อ 72 ปีก่อน จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดค้าปลีก และอนาคตจะก้าวสู่เป็น New Central New Retail และในทศวรรษหน้า 2020 เป็นยุค Omnichannel หรือจำหน่ายสินค้าออนไลน์จากช่องทางออฟไลน์ ในปัจจุบันประสบความสำเร็จในการขยายสาขาจนมีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก รวม 1,379 แห่ง ครอบคลุม 51 จังหวัดทั่วประเทศ (ข้อมุล ณ 31 มี.ค.62) พร้อมขยายตัวสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งในประเทศเวียดนาม และอิตาลี รวม 134 แห่ง (ข้อมุล ณ 31 มี.ค.62)
ในปี 33 ได้นำบมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เข้าตลาดหลักทรัพย์ และ 29 ปีผ่านไป ราคาหุ้นเติบโต 2.9 เท่าจากมูลค่าตลาด 2,600 ล้านบาทเพิ่มเป็น 46,575 ล้านบาท ขณะที่บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เข้าตลาดหุ้นเมื่อปี 38 หรือ 24 ปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 37.3 เท่าจาก 8,900 ล้านบาท เพิ่มเป็น 332,112 ล้านบาท และในวันนี้ เซ็นทรัล รีเทล ประกาศเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
ส่วนนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ เซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทล ได้เวลาที่เหมาะสมและพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ ด้วยปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ เศรษฐกิจมหภาค แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่เศรษฐกิจในประเทศ ในเวียดนาม ก็ยังมีการเติบโต ส่วนอิตาลี ซึ่งอยุ่ในยุโรป แต่ธุรกิจท่องเที่ยวโดยรวมก็ยังเติบโตค่อนข้างดี โดยในส่วนเศรษฐกิจไทยในรอบ 5 ปี GDP มีการเติบโตต่อเนื่อง และความเจริญของเมืองมีโอกาสเติบโต
รวมทั้งปัจจัยโครงสร้างประชากรที่มีส่วนให้การใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภคเติบโตได้ดี และจำนวนนักท่องเที่ยวในไทยมีแนวโน้มเติบโตจากปี 61 ที่มีจำนวน 37.4 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 52 ล้านคนในปี 66 ซึ่งไทยมีเมืองที่ติดอันดับที่นักท่องเที่ยวนิยมไปได้แก่ กรุงเทพ ภูเก็ตและพัทยา นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล บริหารโดยผู้บริหารมืออาชีพ และดำเนินธุรกิจที่มีความห่วงใยสังคมและสิ่งแวดล้อม
อนึ่ง เซ็นทรัล รีเทล มี Business Unit 3 กลุ่ม 1)กลุ่มแฟชั่น ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, โรบินสันไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์, ซูเปอร์สปอร์ต, Central Marketing Group (CMG)และ รีนาเซนเต (Rinascente) กลุ่มฮาร์ดไลน์ได้แก่ ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์ , เพาเวอร์บาย, เหงียนคิม กลุ่มฟู้ด ได้แก่ ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่, ท็อปส์ พลาซ่า, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท, บิ๊กซี และ ลานซี มาร์ท