นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) คาดว่า บริษัทจะสามาคถสรุปการเจรจาหาพันธมิตรใหม่จากต่างชาติภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยทางบริษัทเตรียมที่จะดำเนินธุรกิจใหม่ด้านการบำบัดขยะชุมชนโดยใช้เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมัน ซึ่งคาดว่าบริษัทยูนิค ไมนิ่ง จะถือหุ้นร้อยละ 51 ส่วนบริษัทร่วมทุนจะถือหุ้นร้อยละ 49
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/51 น่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยรายได้และกำไรมีแนวโน้มที่จะทุบสถิติใหม่เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน หลังจากที่ทั้งรายได้และกำไรปรับเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดและทำสถิติใหม่ 5 ไตรมาสติดต่อกันแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/49 โดยกำไรสุทธิไต่ระดับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 41, 57, 61, 102 และ 142 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ ราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 90 เหรียญต่อตันขึ้นมาเป็นมากกว่า 120 เหรียญต่อตันภายในระยะเวลา 1 เดือน พร้อมกับปัจจัยเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกอย่างมากต่อผลประกอบการในปีนี้
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากสถิติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไตรมาสแรกของปีจะมีรายได้น้อยที่สุด และค่อยๆปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาสต่อๆไป เนื่องจากบริษัทจะขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส ดังนั้นผลการดำเนินงานในปีนี้จึงน่าจะทะลุเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ไม่ยากนัก และราคาหุ้นน่าจะค่อยๆไต่ระดับเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสเหมือนกับในปี 50 ที่เพิ่มขึ้นจากระดับประมาณ 8 บาท เมื่อต้นปี เป็น 27.75 บาท เมื่อสิ้นปี 50
ส่วนประเด็นในเรื่องคู่แข่งใหม่ๆที่กำลังจะเข้ามาในตลาดนั้น บริษัทไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมากกว่า และยังเป็นผู้นำในเรื่องของการบริหารต้นทุนด้วย จากการที่บริษัทมีคลังสินค้าซึ่งมีระบบสายพานลำเลียง ท่าเทียบเรือ การบริหารการเดินเรือ การขนส่งทางบก อย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นการลงทุนรวมในระดับพันล้านบาท ส่งผลให้คู่แข่งเข้ามาแข่งขันได้ยากขึ้น
และปีที่ผ่านมา มีหลายบริษัทที่เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้และมีแนวโน้มว่าอาจจะต้องเลิกธุรกิจไป เนื่องจากไม่สามารถควบคุมต้นทุนราคาถ่านหินที่มีความผันผวนอย่างมากในปัจจุบัน และยังมีความรู้ความเข้าใจในตลาดถ่านหินไม่เพียงพอ ทำให้บางรายอาจต้องล้มเลิกโครงการไป เพราะไม่สามารถหาถ่านหินมาส่งให้กับลูกค้าได้ตามที่ตกลงไว้
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--