นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า ตามที่บริษัทได้มีการเปิดตัว โครงการไอดีโอ คิว พหลฯ-สะพานควาย พร้อมเปิดให้มีการจองซื้อห้องชุด ในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ซึ่งเมื่อได้เปิดให้มีการจองซื้อมาระยะหนึ่งจึงได้ทราบว่ายังมีกลุ่มลูกค้าอีกเป็นจำนวนมากกว่า 3 เท่าที่มีความสนใจและต้องการเข้าถึงโครงการดังกล่าว ทำให้บริษัทพิจารณาและปรับรูปแบบโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสภาวะตลาด
ทั้งนี้ บริษัทเห็นสมควรให้มีการพิจารณาปรับรูปแบบของโครงการดังกล่าว โดยนำเทคโนโลยีการก่อสร้าง BIM และเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัยอื่นๆ มาพัฒนาโครงการเพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยร่วมกับ Strategic Partner ทั้งหมด โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอราคาขายในราคาเริ่มต้นใหม่ได้ที่ 149,000 บาทต่อตารางเมตร และบริษัทเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในวงกว้างที่มีความต้องการคอนโดติดรถไฟฟ้า โดยจะมีการเปิด Soft Opening สำหรับโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่ปลายปีนี้
นายชานนท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าที่ได้มอบความไว้วางใจจองซื้อโครงการไอดีโอ คิว พหลฯ - สะพานควาย บริษัทจึงมอบสิทธิพิเศษให้แก่ท่านลูกค้าในการจองซื้อห้องชุดในโครงการที่มีการปรับรูปแบบแล้วเป็นกลุ่มแรกพร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติม
นายชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน ANAN เปิดเผยว่า โครงการคอนโดมิเนียม Ideo Q พหล-สะพานควาย มูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นได้มีการยกเลิกการขายไปและจะคืนเงินจองให้กับลูกค้า หลังจากในช่วงของการเปิดขายพรีเซลปลายเดืนพ.ค.ที่ผ่านมามีลูกค้าที่สนใจเข้ามาจองน้อยกว่ที่คาด คือไม่ถึง 30% และขายได้เพียงกว่า 10% ทำให้บริษัทตัดสินใจนำโครงการดังกล่าวกลับมาทบทวนและชะลอการขายออกไป
แม้ว่าทำเลของโครงการ Ideo Q พหล-สะพานควาย จะเป็นทำเลที่ดีและมีศักยภาพ ติดรถไฟฟ้าสถานีสะพานควาย แต่บริษัทมองว่าราคาขายโครงการที่เปิดตัวในครั้งแรกตั้งไว้เฉลี่ย 220,000 บาท/ตารางเมตรอาจจะสูงเกินไปเมื่อเทียบกับโครงการอื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ราวกว่า 100,000 บาท/ตารางเมตร จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้โครงการของบริษัทไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเท่าที่ควร และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ได้ค่อนข้างยาก ทำให้บริษัทต้องนำโครงการดังกล่าวกลับมาปรับรูปแบบ ปรับแบรนด์ และปรับราคาขายลงให้เหมาะสม และเริ่มทำการขายใหม่อีกครั้งในช่วงอลายปีนี้หรือต้นปี 63
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อทบทวนแผนดำเนินงานในครึ่งปีหลังในช่วงเดือน ส.ค.นี้ โดยเฉพาะผลกระทบจากโครงการ Ideo Q พหล-สะพานควาย ที่ได้หยุดการขายไป อาจทำให้บริษัทต้องทบทวนเป้าหมายยอดขายใหม่ในปีนี้จากเดิมตั้งไว้ 3.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายได้แล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท
รวมทั้งในช่วงครึ่งปีแรก การเปิดโครงการใหม่ที่ไม่รวมโครงการ Ideo Q พหล-สะพานควายนั้น มีจำนวนเพียง 1 โครงการ คือ โครงการแนวราบ ยูนิโอ ทาวน์ ประชาอุทิศ 76 ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับดี ขณะที่ตามแผนงานเดิมยังมีอีก 8 โครงการใหม่ที่จะต้องเปิดตัวในครึ่งปีหลัง ดังนั้น บริษัทอาจจะทบทวนแผนใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะในปัจจุบันที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง
ส่วนยอดโอนในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาทเช่นเดียวกับยอดขายนั้น ยังมองว่ามีโอกาสทำได้ตามเป้า เพราะปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอนอยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนดจะโอนในครึ่งหลังขอปีนี้อีก 1.7 หมื่นล้านบาท และการทยอยระบายสต็อกออกไปอีก จึงคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมียอดโอนเข้ามากว่า 2 หมื่นล้านบาท
"แผนธุรกิจทั้งหมดของบริษัทก็จะปรับให้มีการสอดคล้องกับสถาณการณ์ และสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังต้องรักษาวินัยทางการเงินไว้อย่างเข้มงวดควบคู่ไปด้วย ซึ่งเราจะไม่เพิ่มความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของบริษัทในระยะยาว"นายชัยยุทธ กล่าว