โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) จากแนวโน้มของผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 และทั้งครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น รับอานิสงส์หนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดที่เข้าฉายในครึ่งปีหลังมีความน่าสนใจและดึงดูดผู้ชมมากกว่าปีก่อน และเป็นหนังที่ทำเงินสูง โดยเฉพาะ Spider Man Far From Home ในต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาที่ทำรายได้ได้สูงกว่า 300 ล้านบาท
อีกทั้งได้รับปัจจัยบวกจากการต่อสัญญาของลูกค้าเก่าและมีลูกค้าใหม่เข้ามาโฆษณาในโรงภาพยนตร์ของบริษัท ทำให้รายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาส 3/62
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายจำนวนโรงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่ขยายไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้เข้าถึงผู้ชมในพื้นที่ต่างๆได้มากขึ้น และยังสามารถนำหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดเข้าไปใช้ได้มากขึ้น ซึ่งทำให้มีจำนวนรอบฉายที่เพิ่มขึ้น และทำรายได้ได้มากขึ้นตามไปด้วย
ราคาหุ้น MAJOR พักเที่ยงปิดที่ 29.00 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.85%) เป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนี SET (-0.44%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) เคจีไอ ซื้อ 33.25 เอเซีย พลัส ซื้อ 33.00 ฟินันเซียไซรัส ซื้อ 33.00 ทิสโก้ ซื้อ 33.00 ทรินีตี้ ซื้อ 31.50
นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนะนำ "ซื้อ" MAJOR จากแนวโน้มภาพรวมของผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีหนังจากฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์เข้าฉายในช่วงซัมเมอร์นี้ที่มีความน่าสนใจกว่าไตรมาส 3/61 โดยเฉพาะ Spider Man Far From Home ที่ทำรายได้สูงกว่า 300 ล้านบาท ที่เข้าฉายไปต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยหนุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ MAJOR ยังมีรายได้โฆษณาเพิ่มมากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีฐานต่ำ เพราะในไตรมาส 3/62 นี้มีลูกค้าใหม่ที่เข้าโฆษณาในโรงภาพยนตร์มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการขยายจำนวนโรงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสาขาในต่างจังหวัดที่จะขยายไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต และจะนำหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดไปฉาย นอกจากนี้ไนช่วงปลายปียังมีหนังฟอร์มยักษ์เตรียมเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ายดีสนีย์ที่คาดว่าจะเป็นหนังที่สร้างรายได้มากหนุนต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัท
นางสาวพรสุข อมรวดีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มภาพรวมของผลการดำเนินงาน MAJOR ในช่วงไตรมาส 3/62 เติบโตดีกว่าช่วงเดืยวกันของปีก่อน จากหน้าหนังช่วงซัมเมอร์ปีนี้ที่ถือว่ามีความน่าสนใจมากกว่าช่วงซัมเมอร์ปีก่อน ไม่ว่าจะเป็น Spider Man Fra From Home, The Lion King และ Fast and Furious Hobs and Shaw ที่เตรียมเข้าฉายในส่ปดาห์นี้ ล้วนแต่เป็นหนังที่จะเข้ามากวาดรายได้ในระดับสูงตลอดช่วงไตรมาส 3/62
อีกทั้งรายได้จากค่าโฆษณาจากลูกค้ารายใหม่ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นและการต่อสัญญาจากลูกค้าเก่าบางราย ยังช่วยหนุนรายได้ค่าโฆษณาของบริษัทให้เพิ่มขึ้นด้วย หนุนภาพรวมของผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 ที่ยังเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อาจจะลดลงบ้างเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/62 เพราะได้แรงหนุนจากหนังเรื่อง Avengers Endgame
MAJOR ยังคงเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจในกลุ่มอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง เพราะเป็นผู้เล่นรายใหญ่ไนตลาดที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 และมีจำนวนโรงภาพยนตร์ไนประเทศมากที่สุด รวมไปถึงขยายสาขาไปในประเทศเพื่อนบ้านด้วย และเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอเฉลี่ยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผมที่ 5% ต่อปี
อีกทั้งยังมีหนังจากฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์หลายเรื่องที่ทยอยเข้าฉายอยู่ตลอด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่หนังมีหนังฟอร์มยักษ์จากค่ายดีสนีย์ที่จ่อคิวเข้าฉายที่จะเป็นหนังที่คาดว่าทำเงินได้สูง ทำให้มีรายได้และกำไรเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์การลงทุน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มในครึ่งปีหลังในแง่ของรายได้และกำไรของ MAJOR ยังคงเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบบช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งไตรมาส 3/62 และไตรมาส 4/62 จากหนังที่เข้าฉายทั้ง 2 ไตรมาสในช่วงครึ่งปีหลังมีความสามารถในการดึงดูดผู้ชมให้เข้ามาดูได้มากกว่าปีก่อน โดยเฉพาะหนังฮอลลีวูดที่เป็นภาคต่อจ่อคิวฉายต่อเนื่อง โดยต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา Spider Man Far From Home ที่เข้าฉายไปแล้วสามารถทำเงินได้สูงกว่า Mission Imposible Fallout ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ The Lion King ที่เข้าฉายก็ยังสามารถทำเงินได้สูงเช่นกัน และยังมีหนังฟอร์มยักษ์จากฮอลีวู้ดส์รอเข้าฉายอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี
นอกจากนี้ MAJOR ยังมีรายได้ค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้นเข้ามาจากลูกค้าใหม่ ทำให้รายได้โฆษณาเข้ามาเพิ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/62 อีกทั้งบริษัทยังมีแผนขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ ซึ่งจะมีการเพิ่มจำนวนโรงภาพยนต์อีก 50-60 โรง และจะเป็นการนำหนังใหญ่ฟอร์มยักษ์กระจายเข้าไปฉายให้ทั่วถึงมากขึ้น ซึ่งการกระจายตัวของโรงภาพยนตร์และจำนวนโรงภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้นนอกจากจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต่างๆแล้ว ยังมีจำนวนรอบฉายที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยที่หนุนต่อรายได้จากการขายตั๋วชมภาพยนตร์