โบรกเชียร์ PTTราคานี้ซื้อได้ เชื่อปี 51กำไรโตดีทั้งธุรกิจ-SPRCเข้าตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 14, 2008 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์พร้อมใจเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.(PTT)หลังราคาร่วงลงสะท้อนความเสี่ยงเรื่องค่าเช่าท่อก๊าซหมดแล้ว ยังมองเป็นหุ้น Blue Chip จากการเป็นผู้ผลิตก๊าซและน้ำมันครบวงจร เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด มีแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจต่อเนื่อง และจากการมีแหล่งรายได้ที่หลากหลายช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้า คาดปี 51 กำไรสุทธิเติบโต และยังมีกำไรจากการขายหุ้น IPO โรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง(SPRC) ราคายังมี Up side อยู่มาก และมองว่าต่างชาติยังคงเข้าเก็บ และราคาอาจไปถึง 350 บาทภายในเดือน ก.พ.นี้ 
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.นครหลวงไทย ซื้อ 421
บล.กสิกรไทย ซื้อ 450
บล.กิมเอ็งฯ ซื้อลงทุน 460
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 456
บล.เกียรตินาคิน ซื้อลงทุน 454
บล.ฟิลลิปฯ ซื้อ 440
นายพงศ์พันธ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย)มองว่า หุ้น PTT ยัง underperform กว่าตลาด โดยราคาขณะนี้ PE อยู่ที่ 9 เท่า ฉะนั้น ก็คาดว่าราคาหุ้น PTT จะปรับตัวขึ้นได้หลังหมดข่าวร้ายแล้ว เชื่อว่าราคาจะปรับขึ้นไปถึง 350 บาทได้ภายในเดือน ก.พ.นี้ และเท่าที่ดู นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ขายหุ้น PTT ออกไปในช่วงที่ผ่านมา แต่การขายน่าจะมาจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ หรือกองทุน
"จากนี้ไปอาจจะเห็นราคา PTT ขึ้นไปเร็ว เพราะฝรั่งก็ไม่ได้ขาย PTT ออกไปนะ ที่ผ่านมาเดือน พ.ย.-ธ.ค. 50 เขาก็ยังซื้ออยู่ แต่ที่ขายกองทุนมากกว่า"นายพงศ์พันธ์ กล่าว
ราคาหุ้น PTT ในเดือน ม.ค.51 ได้ปรับลงต่ำสุดที่ 282 บาท(วันที่ 22 ม.ค.) หลังจากราคาปรับขึ้นมาแตะเกือบ 350 บาท แต่ก็ปรับลงมาก.พ.นี้ โดยเช้านี้ราคาเคลื่อนไหวมาที่ 338 บาท บวก 8 บาท(+2.42%) จากวานนี้
ด้าน บล.นครหลวงไทย มองหุ้น PTT เป็นหุ้น Blue Chip ในกลุ่มพลังงานที่ราคาในปัจจุบันถือว่ายังคงอยู่ในระดับต่ำโดยปรับตัวลงมา 28% จากจุดสูงสุดในเดือน ต.ค.50 จากทั้งภาวะตลาดรวมและปัจจัยกดดันในประเด็นข้อสรุปเกี่ยวกับอัตราค่าเช่าท่อก๊าซ ซึ่งปัจจุบันถือว่าได้ข้อสรุปแล้วโดยมีผลกระทบน้อย
จากนี้ไปเห็นว่า Downside Risk ของ PTT น่าจะอยู่ในระดับต่ำและคาดจะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากคงเหลือเพียงปัจจัยบวกที่จะช่วยกระตุ้นราคา เช่น การปรับเพิ่มอัตราค่าผ่านท่อ การปรับเพดานราคาก๊าซ LPG รวมถึงแนวโน้มผลประกอบการใน Q4/50 ที่คาดจะเติบโต 39%yoy
ขณะที่ปี 51 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ 13% จากปีก่อน พร้อมได้ปรับมูลค่าเหมาะสม PTT ขึ้น 7% เป็น 421 บาท โดยยังคงอิงจากวิธี Sum of the Part ซึ่งราคาปัจจุบันมี upside ถึง 33% มี PER ต่ำเพียง 9 เท่าจากเดิมสูงสุดที่ 13 เท่า มีโอกาสปรับประมาณการเพิ่มในปี 51 จากการบันทึกกำไรพิเศษที่ SPRC จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ช่วงครึ่งหลังของปีนี้
และอาจบันทึกกลับภาษีการโอนสินทรัพย์คืนหากข้อสรุปออกมาว่าไม่ต้องเสีย เนื่องจากได้บันทึกไว้แล้ว 1,670 ล้านบาทใน Q4/50
รวมถึงมี upside ของผลการดำเนินงานจากธุรกิจก๊าซหากราคา LPG ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของโรงแยกก๊าซได้รับอนุมัติให้ปรับเพดานราคาจำหน่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิยังมีโอกาสเติบโตจากปี 50 ซึ่งมีการบันทึกรายการพิเศษค่อนข้างสูง
ส่วน บล.กสิกรไทย คาดว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4/50 ของ PTT จะปรับตัวลดลง 9.5% จากไตรมาส 3/50 แต่เพิ่มขึ้น 26% จากไตรมาส 4/49 เป็น 2.22 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่ากำไรปกติจะมีจำนวน 1.998 หมื่นล้านบาท
สาเหตุที่กำไรสุทธิในไตรมาส 4/50 จะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก PTT จะไม่สามารถนำกำไรของ PTTCH เข้ามารวมในงบการเงินอีกต่อไปหลังจากที่สัดส่วนการถือหุ้นใน PTTCH ลดลงในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในไตรมาส 3/50 PTT ยังได้รับเงินชดเชยการลดราคาก๊าซเพื่อลดค่า Ft ในปี 48 จาก EGAT จำนวน 3.8 พันล้านบาท
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/49 คาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวสูงขึ้นตามกำไรของธุรกิจโรงกลั่นหลังจากที่ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ในไตรมาส 4/50 PTT ยังกำไรพิเศษสุทธิอีกจำนวน 2.0 พันล้านบาท
สำหรับปี 51 คาดว่ากำไรสุทธิจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทั้งเนื่องจากปริมาณก๊าซที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งอาทิตย์ และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของบริษัทในเครือ
บล.เกียรตินาคิน คาดว่า กำไรสุทธิ PTT ในปี 51 อยู่ที่ 99,353 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 35.42 บาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน
แนวโน้มผลประกอบการปี 51 ยังแข็งแกร่ง จากการเติบโตของยอดขายก๊าซฯ แนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือไม่ว่าจะเป็น PTTAR และ PTTCH ยังอยู่ในระดับ รวมทั้งทิศทางค่าการกลั่นที่ยังทรงตัวในระดับสูง แม้ว่าแนวโน้มจะอ่อนตัวลดลงเล็กน้อยจากปี 50 แต่การขยายกำลังการผลิตของ TOP และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต จะเป็นปัจจัยผลักดันผลประกอบการ
Upside ที่จะเกิดขึ้นกับผลประกอบการปี 51 คือ การปรับอัตราค่าผ่านท่อจากเดิมที่ 19.4 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 21.4 บาทต่อล้านบีทียู ขณะที่การปรับเพิ่มขึ้นของราคา LPG ในประเทศจะเริ่มให้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นกับกลุ่ม PTT ซึ่งราคา LPG ในปี 51 คาดจะอยู่ที่ 650 เหรียญต่อตัน เพิ่มขึ้น 7% จากปี 50 อยู่ที่ 608 เหรียญต่อตัน โดยใน ก.พ.ราคา LPG อยู่ที่ 803 เหรียญต่อตัน
นอกจากนี้บริษัทจะมีการรับรู้กำไรจากการขายหุ้น SPRC ซึ่งคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ช่วงครึ่งหลังของปี 2551
สำหรับปี 50 น่าจะมีผลประกอบการใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 95,604 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 34.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีก่อน สะท้อนภาพของธุรกิจที่ยังแข็งแกร่ง เพราะหากพิจารณาจากกำไรจากการดำเนินงานที่เติบโตถึง 15% อยู่ที่ 89,922 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 32.06 บาท เนื่องจากปี 49 บริษัทมีการบันทึกกำไรจากรายการพิเศษถึง 7,130 ล้านบาท
แม้ว่าบริษัทมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นบริษัทในเครือลดลงไม่ว่าจะเป็น TOP PTTCH และ PTTEP ทำให้บริษัทมีรายได้จากการขายหุ้นดังกล่าวกว่า 5,000 ล้านบาท แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเช่าท่อย้อนหลัง ค่าปรับ ภาษีโรงเรือน และภาษีโอนสินทรัพย์ รวมกว่า 3,000 ล้านบาท ทำให้การรับรู้รายได้จากรายการพิเศษลดลงอย่างมาก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงาน

แท็ก (PTT)   ปตท.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ