ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,678.79 จุด ลดลง 20.96 จุด (-1.23%) มูลค่าการซื้อขาย 43,977.92 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,682.91 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,675.58 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกัน ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะเริ่มเก็บวันที่ 1 ก.ย.นี้ และยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยในประเทศในเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ทำให้ไปกดดันการท่องเที่ยว ส่งผลให้ตลาดฯมีโมเมนตัมเป็นลบจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ดัชนีฯได้เปิดปรับตัวลงไปลึกจนลงมาแถว 1,680 จุด ซึ่งเป็นบริเวณที่มีแรงสู้ และมองโซนนี้เป็นแนวตั้งรับได้ ทำให้ตลาดฯอาจมีโอกาสดีดกลับขึ้นไปได้บ้าง โดยวันนี้หุ้นในกลุ่มพลังงานกดดันตลาดฯหลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงแรงจากกังวลความต้องการน้ำมันที่หดตัว แต่เช้านี้ราคาน้ำมันในตลาดล่วงหน้าก็เริ่มเห็นการรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป และติดตามเรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ใกล้จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ จะมีการหารือกันอย่างไร รวมถึงวันนี้ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ ในลักษณะของการลดช่วงลบได้หลังจากที่ดัชนีฯปรับตัวลงไปถึง 20 จุด พร้อมให้แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,672 จุด ส่วนแนวต้าน 1,690 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 2,815.58 ล้านบาท ปิดที่ 58.00 บาท ลดลง 2.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,738.54 ล้านบาท ปิดที่ 46.00 บาท ลดลง 1.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,670.45 ล้านบาท ปิดที่ 69.75 บาท ลดลง 2.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,602.07 ล้านบาท ปิดที่ 131.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,751.50 ล้านบาท ปิดที่ 86.25 บาท ลดลง 0.50 บาท