นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาแก้ปัญหาผลกระทบด้านเสียงจากการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ได้รับทราบปัญหาความเดือนร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง และได้มอบหลักในการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับบมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. โดยเน้นให้ความเป็นธรรมทั้งกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง และ ทอท.
รวมทั้งเน้นความโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะในเรื่องการจ่ายเงินชดเชย และการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยังไม่กล้าจ่ายเงินในส่วนของราคาสินทรัพย์ที่บวกค่าการตลาด เพราะขาดกฎหมายรองรับ และ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ยืนยันที่จะเข้าไปแก้ปัญหาโดยเร็ว และหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลแล้วจะได้กำหนดแผนการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจนต่อไป
"ขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาที่แก้ปัญหาได้ แต่ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาให้กับประชาชนโดยเร็ว โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในแนวเส้นเสียงมากกว่า 40 NEF ได้เร่งให้ ทอท.จ่ายเงินชดเชย โดยรัฐบาลชุดนี้ต้องขอเวลาในการทำงานบ้าง และไม่ต้องการให้ชาวบ้านนำปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มาเปรียบเทียบกับการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลชุดนี้พร้อมเข้ามาช่วยเหลือประชาชน" นายสันติ กล่าว
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านปล่อยลูกโป่ง หรือโคมลอยบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น ต้องขอร้องให้ประชาชนใจเย็นๆ อย่าดำเนินการดังกล่าว เพราะถือว่าผิดกฎหมาย ขอเวลาให้รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาแก้ปัญหาก่อน ขณะเดียวกันการปล่อยโคมลอยเพื่อรบกวนการบินยังก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่เดินทาง และทำให้ประเทศเสียชื่อเสียงด้วย
ด้านนายวันชาติ มานะธรรมสมบัติ หนึ่งในคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่ายฯ ในฐานะแกนนำประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีชาวบ้านปล่อยโคมลอยบริเวณใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจริง แต่ตนไม่สามารถเข้าไปห้ามได้ เพราะชาวบ้านอึดอัดในความล่าช้าในการแก้ปัญหาของ ทอท. ขณะที่ชาวบ้านยังได้รับความเดือดร้อนจากเสียงดังอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค.51 ชาวบ้านได้รับหนังสือขอความร่วมมือจากสถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง โดยระบุว่า สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบังได้รับการประสานจากการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่าในช่วงเวลากลางคืน จะมีประชาชนซึ่งอยู่ใกล้เคียงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปล่อยโคมลอยทำให้เกิดการรบกวนการบิน ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการบิน หรือได้รับความเสียหายได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 232 และหากเป็นการกระทำโดยเจตนาผู้กระทำผิดโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาทถึง 14,000 บาท หรือตามมาตรา 239 ซึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทผู้กระทำผิดจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับทราบเหตุการณ์ปล่อยโคมลอยของชาวบ้าน แต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทอท. ได้ทำหนังสือส่งไปยังสถานีตำรวจเพื่อให้ประสานกับประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้ปล่อยโคมลอย ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามปกติทุกปี และทุกท่าอากาศยานของ ทอท.
ด้านนายบุญชู กรดี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง กล่าวว่า ตนได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.50 และตกลกราคาซื้อขายไว้ที่ 2.4 ล้านบาท ซึ่งตามข้อตกลง ทอท. จะแจ้งการจ่ายเงินก่อนล่วงหน้า 30 วัน โดยตนพร้อมย้ายออกจากพื้นที่ทันทีหลังจากได้รับเงิน แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการติดต่อเพื่อจ่ายเงินดังกล่าว ซึ่งกรณีเช่นนี้มีชาวบ้านประมาณ 13 ราย ที่ประสบปัญหาเหมือนกัน
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--