บมจ.ไทยคม (THCOM) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/62 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมทั้งสิ้น 1,217 ล้านบาท ลดลง 18.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/61 และลดลง 6.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 เนื่องจากการให้บริการลูกค้าลดลง ประกอบกับการปรับลดราคาให้กับลูกค้ารายใหญ่
ทั้งนี้ บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 135 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษจำนวนรวม 137 ล้านบาท ได้แก่ ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ค่าใช้จ่ายทางบัญชีจากการเพิ่มค่าชดเชยของลูกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 และการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี โดยหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาส 2/62 ที่ระดับ 2 ล้านบาท
สำหรับอัตราการใช้บริการของลูกค้าเมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการของดาวเทียม ณ สิ้นไตรมาส 2/62 อัตราการใช้บริการดาวเทียมแบบทั่วไปซึ่งประกอบด้วยดาวเทียมไทยคม 5, 6, 7 และ 8 อยู่ที่ระดับ 53% ซึ่งใกล้เคียงกับ ณ สิ้นไตรมาส 1/62 และสำหรับดาวเทียมบรอดแบนด์หรือดาวเทียมไทยคม 4 มีอัตราการใช้บริการอยู่ที่ระดับ 24% ลดลงจาก 31% ณ สิ้นไตรมาส 1/62
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THCOM กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง สำหรับการลงทุนในดาวเทียมดวงใหม่ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ โดยอาจใช้ใบอนุญาตจากต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐของไทย ซึ่งบริษัทมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำประสบการณ์ที่มีอย่างยาวนานในด้านการตลาดและการให้บริการในธุรกิจดาวเทียมมาพัฒนาต่อยอดเพื่อให้เกิดความร่วมมือและประสิทธิภาพสูงสุดระหว่างภาครัฐและเอกชน และนำประโยชน์มาสู่ประเทศได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้มีการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจดาวเทียม เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากดาวเทียมเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบัน บริษัทดำเนินธุรกิจโครงข่ายบริการติดต่อสื่อสารบนเรือชื่อ "นาวา" ในปัจจุบันมีเรือที่ใช้บริการ รวมทั้งที่รอการติดตั้งระบบจำนวนรวมทั้งสิ้น 104 ลำ
ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือ บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (แอลทีซี) ในประเทศลาว มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ไม่นับรวม fixed line) ในระบบรวมทั้งสิ้น 1.45 ล้านราย และยังคงมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นประมาณ 56.5% ของตลาดรวม