นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ส.ค. นี้เตรียมที่จะเข้าพบนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เพื่อเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนแบบใหม่ เพื่อที่จะเข้ามาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุของสิทธิประโยชน์ด้านภาษีภายในปีนี้ โดยกองทุนแบบใหม่จะมีลักษณะเด่น 2 ข้อ คือ สามารถเพิ่มวงเงินการลงทุนสูงสุด ได้ 30% ของรายได้พึงประเมิน และยอดรวมไม่เกิน 250,000 บาท จากเดิม ที่เคยกำหนดให้สามารถลงทุนได้สูงสุด ที่ 15% ของรายได้พึงประเมิน และยอดรวมไม่เกิน 500,000 บาท เพื่อที่จะตอบโจทย์ลดความเหลื่อมล้ำ
ขณะที่กองทุนจะมีการปรับเปลี่ยนประเภทของหลักทรัพย์ที่กองทุนรวม จะลงทุนได้ ด้วยการกำหนดสัดส่วน การลงทุน 65% ให้ลงทุนในกองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Infrastructure Fund) กลุ่มหุ้นยั่งยืนที่ดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) รวมถึงหุ้นเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ FETCO จะเสนอต่อรมว.คลัง ให้จัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) เพื่อช่วยให้ประชาชนมีเงินเพียงพอในกับการใช้จ่ายในวัยเกษียณ เพราะระบบบำนาญ ของประเทศไทยยังไม่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทย และรายได้ รวมถึงคนที่อยู่ในระบบบำนาญของประเทศ บางรายก็มีรายได้ไม่พอใช้หลังเกษียณ จึงเสนอให้ตั้งกองทุน กบช. ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ที่ประเทศไทยก็จะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย เพื่อให้มีรายได้เพียงพอใช้หลังเกษียณ
ทั้งนี้ FETCO ยังจะช่วยสนับสนุนรัฐบาลในการทำประชาสัมพันธ์ให้แก่นักลงทุนทั่วโลก เพราะ FETCO มีความเชี่ยวชาญและมีการทำประชาสัมพันธ์อยู่แล้วเป็นปกติ ซึ่งหากภาครัฐบาลมีความต้องการประชาสัมพันธ์ให้แก่นักลงทุนต่างชาติก็พร้อมที่จะเข้าสนับสนุนทันที