ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:เบอร์นันเก้คาดศก.ซบเซา ฉุดดาวโจนส์ร่วง 175.26 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 15, 2008 06:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 170 จุดเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะซบเซาลงจนถึงปลายปีนี้และคาดว่าจะมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่ขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนอง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 175.26 จุด หรือ 1.40% แตะระดับ 12,376.98 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 18.35 จุด หรือ 1.34% แตะระดับ 1,348.86 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 41.39 จุด หรือ 1.74% แตะระดับ 2,332.54 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.49 พันล้านหุ้น ลดลงจากวันพุธที่ 3.64 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1
นายอาร์เธอร์ โฮแกน นักวิเคราะห์จากบริษัทเจฟเฟอรีส์ แอนด์ โค กล่าวว่า "แม้การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้บ่งชี้ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ แต่ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่เบอร์นันเกกล่าวว่า วิกฤตการณ์ในตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดสินเชื่อได้สกัดกั้นการเติบทางเศรษฐกิจและทำให้อัตราจ้างงานชะลอตัวลง โดยเบอร์นันเก้มองว่าหากตลาดแรงงานตกต่ำลง ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลง ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง"
ก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐประจำเดือนม.ค.ลดลง 17,000 ตำแหน่ง นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับตัวเลขจ้างงานเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 82,000 ตำแหน่ง
"หลังจากที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่งเป็นเวลา 3 วัน นักลงทุนก็ใช้การแสดงความคิดเห็นในด้านลบของเบอร์นันเก้เป็นเหตุผลในการเทขายทำกำไร ผมมองว่าเบอร์นันเก้มีมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจมากกว่าแต่ก่อน แม้ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2550 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 0.3% ก็ตาม"
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากเบอร์นันเก้แถลงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจ และหลังจากธนาคารยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสวิสเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4 ที่ระดับ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการลงทุนในตลาดซับไพรม์ ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นยูบีเอสดิ่งลง 8.3%
ส่วนหุ้นบริษัทประกันหุ้นกู้อย่าง เอ็มบีไอเอ อิงค์ ดีดขึ้น 8.4% หลังจากผู้บริหารของเอ็มบีไอเอแถลงต่อสภาคองเกรสว่า เอ็มบีไอเอมีเม็ดเงินสดมากพอที่จะนำพาบริษัทรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในธุรกิจประกันหุ้นกู้ได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ