หุ้น DOHOME ปิดเทรดวันแรกที่ 8.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท (+11.54%) จากราคาขาย IPO ที่ 7.80 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3,826.16 ล้านบาท โดยเปิดลาดที่ 7.80 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 8.70 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.75 บาท
ทั้งนี้ มีรายการบิ๊กล็อต DOHOME-F 1 รายการ จำนวน 8.145 ล้านหุ้น มูลค่าซื้อขาย 63.531 ล้านบาท เทรดในราคาเฉลี่ย 7.80 บาท/หุ้น
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯให้ความเห็นเกี่ยวกับ บมจ.ดูโฮม (DOHOME) ว่า การเติบโตด้านกำไรของบริษัทมาจากสองปัจจัยคือ 1) การเพิ่มจำนวนสาขาช่วยเพิ่มรายได้ จากปัจจุบันมีอยู่ 9 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มอีก 7 สาขาภายในปี 2564 และสาขาขนาดเล็กที่เรียกว่า "Dohome To Go" รวม 90 สาขาภายในปี 2564 2) การเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายสินค้า House Brand จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น ตั้งเป้าให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม จากปัจจุบันที่ 14.5%
ในงวดไตรมาส 1/62 มีรายได้ 4,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.8% y-o-y แต่กำไรสุทธิเป็น 247 ล้านบาท โตถึง 33% y-o-y เนื่องจากทำอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงขึ้นเป็น 16.4% เทียบ y-o-y ที่ 15.0% เนื่องจากเพิ่มสัดส่วน House Brand ในงวด 1Q62 เป็น 14.5% เทียบกับปี 59-61 ในสัดส่วน 11.4%,14.3% และ 14.4% ตามลำดับ หากประมาณการกำไรเบื้องต้นปีนี้หรือปี 62 เป็น 950 ล้านบาท เพิ่ม 116% y-o-y คิดเป็น P/E ปี 62 จากราคาจองที่ 15.3 เท่า เทียบกับ หลักทรัพย์ในตลาดฯที่ทำธุรกิจคล้ายคลึงกันคือ HMPRO และ GLOBAL ที่ 34.3 และ 30.4 เท่า ตามลำดับ ถือว่ายังไม่แพง
อย่างไรก็ตามถือว่า DOHOME เข้าตลาดฯมาในจังหวะที่ SET ผันผวนในช่วงขาลง จึงอาจจะได้รับผลกระทบได้ ตัวอย่างเช่น ILM กลุ่มพาณิชย์ที่เพิ่งเข้าตลาดฯมาไม่นาน ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% จากราคาจอง IPO ที่ 22.00 บาท เป็น 22.20 บาท อย่างไรก็ตามการจัดสรรหุ้นครั้งนี้มีหุ้นอีกส่วนหนึ่งจำนวน 56.16 ล้านหุ้นคิดเป็น 28.1% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งเป็นหุ้นส่วนเกินที่จัดสรรให้กับความต้องการที่มากกว่าเสนอขาย ในลักษณะ "Green Shoe Option" โดยหนึ่งในผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นจะมีหน้าที่ในการหาหุ้นส่วนเกินนี้ ก็จะมีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพราคาหุ้นได้ ภายใน 30 วันแรกที่เข้าตลาดฯจึงทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสจะไม่ต่ำกว่าราคาจองที่ 7.80 บาท