RATCH มีมติให้จ่ายปันผลงวด H2/50 หุ้นละ 1.10 บ. จ่าย 30 เม.ย.

          บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2550 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 2.10 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 3,045 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 52.24 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมหลังหักเงินทุนสำรองตามกฎหมายและเงินทุนสำรองอื่น ซึ่งเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2550 บริษัทฯ ได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาทคิดเป็นเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลเป็นจำนวน 1,450 ล้านบาท จึงคงเหลือเงินปันผลจ่ายในงวดนี้ในอัตราหุ้นละ 1.10 บาท คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเป็นจำนวน 1,595 ล้านบาท 
          โดยกำหนดจะจ่ายเงินปันผลในวันพุธที่ 30 เมษายน 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2551 เวลา 12.00 น.
*ปี 50 กำไรลด เหตุหยุดเดินเครื่องมากกว่าปีก่อน
           RATCH ขี้แจง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยตามงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะบริษัท  2550 มีกำไรสุทธิ 5,829.40 ล้านบาท ลดลง 276.64 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 4.53 จากปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิ 6,106.04 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจาก การหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าตามแผนการบำรุงรักษา ในระหว่างปี 2550 บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยหลัก ได้ทำการหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเพื่อทำ Major Overhaul มากกว่าปีก่อน เป็นผลให้บริษัทฯ มีรายได้ค่าความพร้อมจ่ายและรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าสุทธิลดลงจากปีก่อน รวมทั้งค่าบริการในการเดินเครื่องและบำรุงรักษา และค่าอะไหล่โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
          นอกจากนี้ ในปี 2550 บริษัทฯ มีค่าจ้างที่ปรึกษาสำหรับการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมจำนวน 127.23 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารในปี 2550จำนวน 631.34 ล้านบาท สูงกว่าปี 2549 (497.56 ล้านบาท) เป็นจำนวน 133.78 ล้านบาท
          รายได้ค่าบริการในปี 2550 จำนวน 49.33 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2549 (143.19 ล้านบาท) เป็นจำนวน 93.86 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 65.55 เป็นผลมาจากในปี  2549 บริษัทฯได้รับเงินค่าพัฒนาโครงการจากบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด  ตามสัดส่วนที่บริษัทถือหุ้นร้อยละ 25 เป็นจำนวน 101.33 ล้านบาท