นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล่า (ALLA) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่องจนเป็นผลให้มูลค่างานในมือรอการรับรู้ (Backlog) ณ สิ้นวันที่ 30 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ 553 ล้านบาท ยังคงสามารถทำสถิติสูงสุด (New High) ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้น 94 ล้านบาท หรือ 20% จากสิ้นปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการขยายการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม โดยงานใหม่ที่เข้ามายังคงกระจายในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ อาทิ ปิโตรเคมี ยานยนต์ และงานพรีแคส คอนกรีตในส่วนของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น บมจ.แสนสิริ (SIRI) และบมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท
บริษัทยังคงเข้าร่วมประมูลงานในส่วนของงานเครนและรอกไฟฟ้า ช่องโหลดสินค้าและอุปกรณ์ อย่างต่อเนื่องมูลค่ารวมแล้วกว่า 200-300 ล้านบาท อาทิ งานโรงไฟฟ้าเฟสที่ 2 ของบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) งานศูนย์กระจายสินค้าของบริษัท พีทีที โพลีเมอร์โลจิสติกส์ จำกัด และงานโรงไฟฟ้าในประเทศบังคลาเทศ ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบผลภายในปี 2562 นี้
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2562 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการแข่งขันทางด้านราคา กดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นงวดไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 28% ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 31% ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 2562 อยู่ที่ 29% ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 31%
รวมถึงได้รับผลกระทบจากพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน สำหรับลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไปให้มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจำนวน 6.85 ล้านบาท นอกจากนี้ในไตรมาส 1/2562 บริษัทตัดจำหน่ายทรัพย์สินจำนวน 2 ล้านบาท เนื่องจากปรับปรุงอาคารสำนักงาน
นายองอาจ กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานดังกล่าว แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในทุก ๆ ด้านได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 150 ล้านบาท ลดลง 1% และงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 อยู่ที่ 247 ล้านบาท ลดลง 3%
ด้วยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้งวดไตรมาส 2/2562 มีกำไรสุทธิ 12.82 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 19.86 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 มีกำไรสุทธิ 15.65 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 21 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
"บริษัทต้องการสื่อสารให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้ทำความเข้าใจกับลักษณะธุรกิจของ ALLA ผลประกอบการของบริษัท ขึ้นอยู่กับการรับรู้รายได้ของมูลค่างานในมือ ซึ่งมีปัจจัยภายนอกส่วนหนึ่งจากความพร้อมที่หน้างานของลูกค้า ดังนั้น ผลประกอบการในแต่ละไตรมาสอาจมีความผันผวน แต่หากพิจารณาในภาพรวมของผลกำไรทั้งปีแล้วจะพบว่าสามารถรักษาการเติบโตโดยตลอด และในปีนี้บริษัทมีมูลค่างานในมือสูงถึง 553 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้ภายในปีนี้สัดส่วนราว 70-80% ดังนั้นเชื่อว่าโดยภาพรวมของผลประกอบการทั้งปี 2562 จะมีทิศทางที่ดี และพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 11%"นายองอาจ กล่าว