นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากประสบความสำเร็จในการขยายกองเรือเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้มีรายได้รวม 1,268.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,106.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 303.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.36% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 204.7 ล้านบาท
ปัจจัยมาจากการขยายธุรกิจเรือขนส่งในประเทศ ซึ่งรับรู้รายได้จากเรือใหม่ที่เข้ามาประจำการเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลำ รวมถึงการรับรู้รายได้จากบริษัท บิ๊กซี (Big Sea) จำกัด ตามสัดส่วนการลงทุนที่ 70% ทำให้ธุรกิจดังกล่าวมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นถึง 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันในไตรมาส 2/62 นั้น PRM ยังรับรู้รายได้จากการขยายกองเรือ FSU หรือ เรือขนส่งและจัดเก็บสินค้าแบบลอยน้ำเพิ่มเติมอีก 1 ลำ รวมเป็น 6 ลำ โดยมีอัตราการใช้บริการเต็ม 100% และยังได้รับปัจจัยบวกจากอัตราค่าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น หลังกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมมีความต้องการใช้บริการเรือดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกฎ IMO 2020 ในการใช้เชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ ที่จะเริ่มบังคับใช้ในต้นปี 2563 อีกด้วย
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 2,457.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,124.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 544.2 ล้านบาท เติบโต 54.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 351.5 ล้านบาท
"ด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี 62 สะท้อนมาถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 และครึ่งปีแรกของปีนี้ที่เติบโตได้ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจเรือ FSU และเรือขนส่งภายในประเทศเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเครื่องยืนยันให้เรามั่นใจว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่ง Growth Mode ของ PRM อย่างแน่นอน" นายชาญวิทย์ กล่าว
ส่วนแนวทางการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อมั่นว่าจะเติบโต 10-15% ได้ตามแผน โดยในไตรมาส 3/62 บริษัทมีแผนให้บริการเรือ FSU เพิ่มขึ้นอีก 2 ลำ ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 8 ลำ เริ่มให้บริการในเดือน ก.ค.และ ส.ค.62 ตามลำดับ หลังจากตกลงซื้อเรือ FSU เข้ามาแล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ จะรับรู้รายได้จากเรือขนส่งภายในประเทศที่จะเข้ามาให้บริการเพิ่มเติมอีก 2 ลำ รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 32 ลำ ส่งผลดีต่อศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ให้มีความแข็งแกร่ง สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการใช้เรือขนส่งปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้น Big Sea เพิ่มขึ้นอีก 10% รวมเป็น 80% ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มเติมได้ภายในไตรมาสนี้เป็นต้นไป ถือเป็นเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนภาพรวมผลการดำเนินงานของ PRM ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น