นายบัลลังก์ ไวยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมทบทวนเป้าหมายยอดขายในปี 62 ใหม่จากเดิมที่คาด่ว่าจะเติบโต 3-5% แต่หลังจากผ่านครึ่งปีแรกมาแนวโน้มของยอดขายไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาด โดยปรับตัวลดลง 4.6% จากผลกระทบการแข็งค่าของค่าเงินบาท ทำให้ปริมาณการขายชะลอตัวลง ขณะที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกสูงถึง 91%
ประกอบกับ ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนของสงครามการค้า ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการค้าขายของโลกที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทให้ปรับตัวลดลง และมีโอกาสที่จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายของบริษัทจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง แต่บริษัทยังเดินหน้าผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นมาที่ 16-17% หลังจากครึ่งปีแรกสูงขึ้นมาที่ 16% แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 3 ปี ด้วยการเน้นขายสินค้าทูน่าที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น แม้ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าที่มีปริมาณการขายไม่สูงมากนัก แต่สามารถผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นได้ ประกอบกับการควบคุมต้นทุนการผลิตและต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงินที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำที่ 3.2%
นอกจากนี้ในช่วงของภาวะที่ยอดขายมีแนวโน้มชะลอตัว บริษัทจะเน้นกลยุทธ์ไปที่การทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าในเครือของบริษัทเพื่อเป็นการกระตุ้นผู้บริโภค พร้อมกับสร้างการรับรู้แบรนด์กับสินค้าของบริษัทให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย และช่วยสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้ด้วย ซึ่งทำให้บริษัทมีการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนเหตุไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันปลาทูน่าของบริษัทในเยอรมนีในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทมากนัก เพราะสัดส่วนรายได้ค่อนข้างน้อย และบริษัทจะได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันที่ทำไว้ ครอบคลุมการลงทุนสร้างโรงกลั่นใหม่ในพื้นที่เดิม ซึ่งบริษัทเตรียมลงทุนราว 24 ล้านเหรียญสหรัฐคาดว่าจะสามารถเดินเครื่งผลิตได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 3/63