นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ(BBL) กล่าวว่า หากโครงการลงทุนต่างๆของภาคเอกชนในปีนี้ อาทิ ปิโตรเคมี รถยนต์ ตลอดจนโครงการโรงไฟฟ้า IPP เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คาดว่าสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตได้ตามเป้าที่คาดไว้ 5-7%
ส่วนโครงการเมกะโปรเจ็คต์ คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปีในการวางแผนงานและก่อสร้าง คงจะยังไม่ได้ใช้เม็ดเงินในทันที
"ปีนี้สินเชื่อก็ยังไปได้ แต่ยอมรับว่าไม่ง่าย เพราะตลาดยังโตไม่มาก แต่เราก็จะพยายามปล่อยสินเชื่อภาคเอกชนให้มาก"นายชาติศิริ กล่าว
สำหรับการแข่งขันเรื่องสินเชื่อปีนี้ก็ค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะสินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่ง BBL มีสินเชื่อรายใหญ่เป็นลูกคากลุ่มสำคัญ ส่วนสินเชื่อภาครัฐมีไม่มาก ลูกค้าประมูลโครงการของรัฐได้ คิดเป็น 5% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคาร
ส่วนการแข่งขันกันออกผลิตภัณฑ์เงินฝากระยะสั้นช่วงนี้ นายชาติศิริ มองว่า เป็นเรื่องของการแข่งขันเพื่อรักษาฐานลูกค้าอย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภาพคล่อง
นายชาติศิริ กล่าวถึงการลงทุนในตราสารหนี้ที่หนุนด้วยสินทรัพย์อ้างอิง (Collateralized Debt Obligations:CDO) ว่า ธนาคารมีการลงทุนประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 1,700 ล้านบาท ที่ผ่านมาได้ตั้งสำรองแล้ว 50-60% หรือคิดเป็น 1,060-1,070 ล้านบาท ส่วนต้องมีการตั้งสำรองเพิ่มหรือไม่ขึ้นกับภาวะตลาด
แต่ยอมรับว่าสภาพการณ์ในปัจจุบันแย่ลงเรื่อย ๆ และอีกนานกว่าจะดีขึ้นอย่างน้อยคงต้องดูช่วงกลางปีว่าสถาบันการเงินในสหรัฐฯ จะรายงานงบออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น แต่ขณะนี้ถือว่ายังได้รับผลตอบแทนการลงทุนใน CDO ตาม Cycle
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการขายหุ้นธนาคาร สินเอเซีย (ACL) ให้สถาบันการเงินต่างประเทศ นายชาติศิริ กล่าวว่า ต้องรอกฎหมายใหม่ ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--