นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้ บริษัทมีเป้าหมายรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรที่ระดับ 80-90% พร้อมบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตต่อหน่วยให้มีประสิทธิภาพ เร่งขยายตลาดด้วยจุดเด่นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ บริหารจัดการด้าน Product Mix เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพื่อผลักดันภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตตามแผนงานที่วางไว้
สำหรับส่วนขยายกำลังการผลิตสายการผลิต NT-11 ที่โรงงานจังหวัดสระบุรี โดยจะใช้งบลงทุนจากการกู้ยืมเงินและจากกระแสเงินสดบางส่วนประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์และบอร์ดอีก 55,000 ตันต่อปีนั้น ปัจจุบันมีความคืบหน้าอย่างมาก คาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้าในเชิงพาณิชย์ได้ปลายปี 2563 ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นด้านการผลิตและเพิ่มโอกาสขายสินค้าเพิ่มขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 บริษัทสามารถผลักดันการเติบโตได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยทำรายได้รวม 1,255.29 ล้านบาท เติบโต 11.30% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 132.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยการเติบโตมาจากความสำเร็จการทำกลยุทธ์การตลาดภายใต้แนวคิด ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ ที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์สินค้า ‘ตราเพชร’ และสะท้อนถึงศักยภาพการทำตลาดที่มีความพร้อมของสินค้าที่หลากหลายสามารถสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างภายใต้ แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เพิ่มขึ้น
ด้านช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าผ่านกลุ่มลูกค้าโครงการและห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ เป็นช่องทางที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น ขณะที่ตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียนและช่องทางร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายย่อยมีการเติบโตที่ดีเป็นที่น่าพอใจ ขณะเดียวกัน DRT ยังสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่มีประสิทธิภาพ จากการรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 80-90% ส่งผลดีต่อการรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 25-27% ได้ตามแผน และสะท้อนถึงตัวเลขกำไรสุทธิที่ยังรักษาอัตราการเติบโตที่ดี แม้ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายจากการตั้งสำรองผลประโยชน์ของพนักงานเพิ่มขึ้นตามกฎหมายแรงงานใหม่ก็ตาม
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีนี้ทำสถิตินิวไฮ จากตัวเลขยอดขายรวมทั้งสิ้น 2,650.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 343.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.59% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
"เราพอใจในผลการดำเนินงานไตรมาส 2/62 และครึ่งปีแรกของปีนี้ จากความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดที่กระตุ้นผู้บริโภคให้เลือกซื้อสินค้าตราเพชรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายทุกช่องทางการจัดจำหน่ายเติบโตอย่างโดดเด่น และความมุ่งมั่นในการบริหารต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ส่งผลให้การดำเนินงานของเราทำสถิติเติบโตสูงสุด แม้ตลาดวัสดุก่อสร้างจะอยู่ในภาวะทรงตัว" นายสาธิต กล่าว