นายวิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) (MGT) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้ลงเหลือ 850 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 950 ล้านบาท โดยเป็นการปรับเพื่อที่จะให้กับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีความผันผวนด้านเศรษฐกิจสูง แต่อย่างไรก็ตามทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังยังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มยอดขาย โดยการขายสินค้าให้กับลูกค้ารายเดิมมากขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจับมือกับบริษัท PRIME INDEX CO.,LTD และตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมาดำเนินกิจการ จำหน่ายกระดาษ และแพคเกจจิ้ง ให้กับผู้ประกอบการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ในประเทศเมียนมา โดยคาดว่าจะมีรายได้ราว 10 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังนี้
นอกจากนี้ บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 80% ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขออนุญาตจากกรมสรรพสามิต เพื่อนำเข้าเอทานอลที่ไม่แปลงสภาพ เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการ ซึ่งมีขนาดตลาดที่ใหญ่ คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในช่วงครึ่งหลังปีนี้
"ปีนี้มีความผันผวนด้านเศรษฐกิจค่อนข้างมาก หลาย ๆ อุตสาหกรรมก็มีการชะลอตัวไป แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีการนำเข้าสินค้าที่ได้ต้นทุนต่ำลง และมีการบริหารจัดการไม่ให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกแปลี่ยน รวมไปถึงการขายสินค้าใหม่ ๆ จึงทำให้เติบโตได้ต่อเนื่อง แม้จะต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้"นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อลงทุนโครงการผลิตกราไฟต์ โดยจะถือหุ้นอยู่ที่ 30-50% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ด้วยงบลงทุนราว 150 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิตเบื้องต้นที่ 200 ตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในครึ่งหลังปี 63 ก่อนที่จะขยายกำลังการผลิตให้เป็น 5,000-10,000 ตันต่อปี ภายใน 3-5 ปี รวมถึงยังศึกษาการเข้าซื้อกิจการ และร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะมีการเติบโตในทุก ๆ ปี โดยบริษัทจะเน้นในธุรกิจเกี่ยวเนื่องเป็นหลัก