โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) หลังรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/62 ที่ 1.05 พันล้านบาท เติบโต 247% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเติบโต 159% จากไตรมาส 1/62 (QoQ) ดีกว่าตลาดคาด เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้น (gross profit margin) ของธุรกิจนิคมปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดที่ 61.4% และรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการปรับราคาขายที่ดินและบริหารต้นทุนก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ผลงานทั้งปีนี้ ประมาณการกำไรสุทธิเติบโต 18-34% จากปีก่อน โดยคาดการณ์กำไรสุทธิช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัว +4% YoY และ +30% HoH จากการทยอยรับรู้รายได้จากการขายที่ดินจากฐาน Backlog และต้นทุนเงินกู้ยืมมีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้ WHA ได้ประโยชน์จากในเขตนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) และสงครามการค้า ช่วงครึ่งแรกปี 62 ทำยอดขายได้ 300 ไร่ คิดเป็น 21% จากเป้าทั้งปีนี้ในไทยที่ 1,400 ไร่ และเวียดนามอีก 200 ไร่ แต่ยังต้องติดตามเรื่องพื้นที่เช่าของ Alibaba (phase1) พื้นที่ทั้งหมด 130,000 ตารางเมตรที่มีแนวโน้มรับรู้รายได้จากการขายคิดมูลค่า 3,000 ล้านบาทในไตรมาส 3/62
นอกจากนั้น ยังจะมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ในงวดในไตรมาส 4/62 สูงถึง 5,750 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ขายให้ WHART และ HREIT
ราคาหุ้น WHA พักเที่ยงปิดที่ 4.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท (+0.85%) ขณะที่ SET -0.87%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 5.70 เคทีบีฯ ซื้อ 5.60 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 5.00 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 4.92
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า คงคำแนะนำ ซื้อ WHA ได้ประโยชน์จากนโยบาย EEC และสงครามการค้า คาดว่า WHA จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการ EEC เพราะมีพื้นที่นิคมในเขตภาคตะวันออกมากถึง 10,000 ไร่
ด้านยอดขายนิคมฯ ช่วงครึ่งแรกปี 62 ทำได้ 300 ไร่ คิดเป็น 21% จากเป้าขายปีนี้ในไทยที่ 1,400 ไร่ และเวียดนามอีก 200 ไร่ คาดว่าหลังจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จจะมียอดขายดีขึ้น อีกทั้งมีการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดนิคมฯที่เวียดนาม กำลังเจรจาตั้งแห่งที่สอง และสนใจตลาดคลังสินค้าให้เช่าที่อินโดนีเซีย
อีกทั้งได้รับประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน มีการย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้น ทำให้มีความต้องการซื้อนิคมฯเพิ่ม สำหรับราคาพื้นฐานกำหนดไว้เป็น 4.92 บาท ซึ่งประเมินด้วยส่วนลด 10% จากมูลค่า SOP (Sum of Parts)
ทั้งนี้ WHA แจ้งกำไรไตรมาส 2/62 ดีกว่าที่คาดไว้เดิมถึง 25% เป็น 1.05 พันล้านบาท รายการที่ดีกว่าเดิมคือ อัตรากำไรขั้นต้นของนิคมฯ สูงไปถึง 61.4% จากที่คาดไว้ 44.4% เนื่องจากมีการปรับราคาขายที่ดินและบริหารต้นทุนก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับอัตรากำไรขั้นต้นของการเช่า-บริการเป็น 49% จากที่คาดไว้ 47.8% เพราะมีสัดส่วนคลังสินค้าที่เป็น Built-to-Suite มากขึ้นเทียบกับ Ready Built สำหรับรายได้อื่น ๆ ไตรมาสนี้สูงถึง 309 ล้านบาท มากกว่าคาดไว้ที่ 115 ล้านบาท มาจากรายได้เงินปันผล-ค่าบริหารจัดการ ดอกเบี้ยรับ และการขายเงินลงทุน
กำไรครึ่งแรกปี 62 คิดเป็นสัดส่วน 43% จากประมาณการทั้งปี 62 โดยครึ่งแรกปี 62 กำไรเติบโต 35% y-o-y เป็น 1,459 ล้านบาท และเป็นสัดส่วน 43% จากประมาณการทั้งปี อีกทั้งครึ่งปีหลังคาดว่าจะโอนพื้นที่นิคมฯได้มาก รวมตลอดปีโอนได้ 1,051 ไร่ และมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ในงวดในไตรมาส 4/62 เป็นจำนวนมากอีก 5,750 ล้านบาท แบ่งเป็นการขายใน 2 ส่วนคือ ขายให้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT)
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"WHA และราคาเป้าหมาย 5.60 บาท จากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยมองว่า WHA ยังมี Key catalyst จากฐานลูกค้าที่บริษัทอยู่ระหว่างเจรจามากกว่า 2.5 พันไร่ ส่งผลให้ยอด pre-sale ปี 62 สามารถเป็นไปได้ตามเป้าที่ 1.4 พันไร่ และหนุนผลการดำเนินงานในปี 63 ที่จะยังขยายตัวต่อเนื่อง หรือคิดเป็น 61-63 Core EPS CAGR ที่ 18.3% นอกจากนี้ธุรกิจ Logistic ของบริษัทยังมีความน่าสนใจ และได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบ E-Commerce รายใหญ่ในประเทศ และต่างประเทศ เช่น Alibaba และ JD
WHA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ที่ 1.05 พันล้านบาท (+247% YoY, +159% QoQ) มากกว่าที่ตลาดและเคทีบีฯ คาด จาก gross profit margin ของธุรกิจนิคมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดอยู่ที่ 61.4% และส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น +204% YoY, +130% QoQ
และยังคงประมาณการกำไรสุทธิ 62 ที่ 3.4 พันล้านบาท (+18% YoY) และคาดกำไรสุทธิช่วงครึ่งหลังปี 62 จะขยายตัว +4% YoY และ +30% HoH จากการทยอยรับรู้รายได้จากการขายที่ดินจากฐาน Backlog, ต้นทุนเงินกู้ยืมมีแนวโน้มลดลง และการรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนเป็นปกติในไตรมาสที่ 4/62
ราคาหุ้น outperform SET 12% ในช่วง 3 เดือน สะท้อนผลการดำเนินงานที่จะดีขึ้นจากความชัดเจนของการลงทุนของภาครัฐภายหลังที่มีการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากนี้เชื่อว่ายอด pre-sale ในช่วงครึ่งหลังปี 62 จะดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในระยะยาว
ส่วน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า WHA มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/62 ที่ 1,052 ล้านบาท +247% yoy, +159% qoq ดีกว่าที่คาดและตลาดคาด เพราะอัตรากำไรขั้นต้น และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าดีกว่าคาด โดยกำไรโตเด่น y-y และ q-q เพราะอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นแรง ตามการโอนที่ดินได้ 480 ไร่ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ที่มีต้นทุนต่ำ นอกจากนั้นไม่มีการขายทรัพย์ และขายที่ดินที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเหมือนในไตรมาส 1/62 และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เพราะ Gheco-I เปิดดำเนินการปกติ, โรงไฟฟ้าใหม่ GNLL2 เปิดดำเนินการ และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
สำหรับกำไรปกติในไตรมาส 3/62 คาดว่าจะเติบโต y-y จากรายได้จากการขายที่ดิน และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่หดตัว q-q จากรายได้จากการขายที่ดินลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังต้องติดตามเรื่องพื้นที่เช่าของ Alibaba (phase1) พื้นที่ทั้งหมด 130,000 ตารางเมตรที่มีแนวโน้มรับรู้รายได้คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
โนมูระฯ คงคำแนะนำ ซื้อ และปรับใช้ราคาเป้าหมายในปี 63 มาที่ 5.7 บาท โดยรวมมองว่าผลประกอบการปี 61 เป็นจุดต่ำสุดที่ 2.9 พันล้านบาท ซึ่งในปี 62 กลับมาโต +34% yoy ที่ 3.9 พันล้านบาท ปัจจัยหนุนหลักจากคาดรายได้จากการขายที่ดินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น WHA ครองความเป็นผู้นำในการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรม และพื้นที่ให้เช่า ทำให้ยังคงชอบ WHA และเลือกเป็น Top Pick