บมจ.ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS) แจงเหตุแตกไลน์ร่วมทุนพันธมิตรเยอรมันให้บริการบำบัดขยะชุมชนหารายได้เสริม หลังเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ปริมาณขยะแต่ละวันสูงถึง 4 หมื่นตัน และเพิ่มขึ้นทุกวันตามจำนวนประชากร ขณะที่การจำหน่ายถ่านหินซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ยังมีแววไปได้สวยหลังราคาพุ่งไม่หยุด ทำให้ปี 51 มีสิทธิเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่ 30%
"การแตกไลน์ธุรกิจบริการสู่การร่วมทุนพันธมิตรเยอรมันทำธุรกิจบำบัดขยะชุมชน ถือเป็นนโยบายการขยายงานของบริษัท และเป็นครั้งแรกที่ UMS มีการร่วมทุนกับคนอื่นเราคงจะเริ่มสยายปีก หรือถ้าไม่ได้อยู่ใน Scope งานที่เราทำอยู่แล้ว ก็คงเป็นลักษณะการร่วมทุน"แหล่งข่าวจาก UMS กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
แหล่งข่าว กล่าวว่า ปริมาณขยะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2-3% ทุกปีตามจำนวนประชากร ขณะที่ภาครัฐเองได้จัดสรรงบประมาณกำจัดขยะเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว เพียงแต่วิธีบริหารจัดการอาจจะยังไม่ถูกหลักอนามัยนัก
"เราเชื่อว่าธุรกิจใหม่จะไม่มีวันขาดทุน มันขึ้นอยู่กับราคาที่เราคุยกับผู้รับบริการ อีกอย่างขยะประเทศไทยมีตั้ง 4 หมื่นตันต่อวัน"แหล่งข่าว กล่าว
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลัก(Core Business)ของ UMS ยังคงเป็นการขายถ่านหิน 98% ส่วนอีก 2% เป็นรายได้บริการการขนส่งถ่านหิน ขนส่งสินค้าเทกอง ส่วนธุรกิจบำบัดขยะ หลักๆคงเป็นการทำเพื่อสังคม และคงมีกำไรบ้างเพื่อที่จะขยายงานได้ ส่วนอนาคตสัดส่วนรายได้ของธุรกิจบริการจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับโอกาส
*เผยรายได้ปี 51 มีสิทธิ์โตมากกว่า 30% หากราคาถ่านหินยังขึ้นไม่หยุด
แหล่งข่าว กล่าวว่า แผนธุรกิจในปีนี้ยังเน้นที่ธุรกิจถ่านหิน โดยคาดว่ารายได้ปี 51 มีโอกาสเติบโตมากกว่า 30% หากราคาถ่านหินยังขึ้นไม่หยุด ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงหลังจากซัพพลายถ่านหินทั่วโลกได้รับผลกระทบจากผู้ส่งออกรายใหญ่ทั้ง ออสเตรเลีย จีน และเวียดนามมีปัญหา ทำให้ส่งออกไม่ได้
หากราคาถ่านหินในตลาดโลกยังปรับตั้วขึ้นไม่หยุด โอกาสที่บริษัทจะมีรายได้โตเกิน 30% มีความเป็นไปได้สูงและแนวโน้มไตรมาส 1 ก็ยังดีต่อเนื่องจากราคาถ่านหินยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเราสามารถปรับราคาขายได้ตามสถานการณ์
"แนวโน้มที่รายได้เราจะสูงกว่า 30% คงจะไม่ยากเท่าไหร่ เพราะราคาในตลาดโลกมันยังขึ้นต่อเนื่อง และทุกครั้งที่เราปรับราคา ลูกค้าก็เข้าใจ เพราะคู่แข่งทุกที่ราคาก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวว่า ราคาถ่านหินมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปถึง 140-150 เหรียญต่อตัน จาก 120 เหรียญต่อตันในปัจจุบัน
หลังจากปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว โดยในช่วงระยะ 1 เดือนทีผ่านมาราคาปรับขึ้นจากระดับ 90 เหรียญต่อตัน เป็นกว่า 120 เหรียญต่อตัน
ยิ่งหลังจากเหมืองสำคัญของ Xstrata ผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของโลกไม่สามารถขนส่งถ่านหินได้เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วม จีนสั่งยุติการส่งออกถ่านหินเป็นระยะเวลา 2 เดือนถึงเดือนเม.ย.นี้ หรือแม้แต่เวียดนามซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของจีน วางแผนที่จะลดปริมาณการส่งออกถ่านหินลง 32% ปีนี้ และจะค่อยๆลดปริมาณการขายลง เพื่อให้ปริมาณถ่านหินมีจำนวนเพียงพอที่จะรองรับความต้องการที่สูงขึ้นภายในประเทศ เมื่อซัพพลายเออร์ที่ใหญ่ๆ ต่างส่งออกไม่ได้ ราคาก็เลยถีบขึ้นมารุนแรง
ส่วนเหมืองในอินโดนีเซียที่ทางบริษัท UMS นำเข้าในปัจจุบัน แม้จะไม่มีปัญหาเรื่องการส่งออกถ่านหิน แต่หากซัพพลายเออร์ใหญ่ประเทศอื่นไม่สามารถส่งออกได้ ผู้ซื้อก็ต้องวิ่งไปหาจากที่อื่นผลกระทบก็จะเกิดเป็นลูกโซ่ไปหมด
แหล่งข่าว กล่าวว่า สำหรับความสามารถในการแข่งขันของ UMS เมื่อเทียบกับเจ้าใหญ่ๆอย่าง บมจ.ลานนารีซอร์สเซส(LANNA) บมจ.บ้านปู(BANPU)ไม่มีปัญหา เพราะลูกค้าคนละกลุ่ม โดยลูกค้าของ UMS เน้นลูกค้าขนาดเล็กลงมา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม สิ่งทอ ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนก็มากมายหลายแห่ง
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--