ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา กดดาวโจนส์ปิดลบ 28.77 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday February 16, 2008 07:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐทำให้นักลงทุนไม่ต้องการเข้าทำโพสิชั่นใหม่ๆก่อนวันหยุดยาวในช่วงสุดสัปดาห์ โดยวันจันทร์ที่ 18 ก.พ.ตลาดการเงินของสหรัฐจะปิดทำการเนื่องในวันประธานาธิบดี
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 28.77 จุด หรือ 0.23% แตะระดับ 12,348.21 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 1.13 จุด หรือ 0.08% แตะระดับ 1,349.99 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 10.74 จุด หรือ 0.46% แตะระดับ 2,321.80 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.50 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 9 ต่อ 7
นายบิล ชัลท์ นักวิเคราะห์จากบริษัทแมคควีน แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ในรัฐเพนซิลวาเนีย กล่าวว่า "นักลงทุนมองว่าข้อมูลภาคการผลิต ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และข้อมูลราคานำเข้าสินค้าที่ซบเซานั้น สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลงอย่างหนัก โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยผลสำรวจโรงงานในภูมิภาคที่ย่ำแย่ในเดือนก.พ. ขณะที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงในเดือนก.พ. และกระทรวงแรงงานรายงานว่าราคานำเข้าสินค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันแพงขึ้น"
"การปิดลบในวันศุกร์มีขึ้นหลังจากที่ตลาดร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี เพราะได้รับแรงกดดันจากการที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะซบเซาลงอีกและคาดว่าจะมีธนาคารอีกหลายแห่งที่ขาดทุนในตลาดซับไพรม์ เห็นได้ชัดว่านักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ" นายซัลท์กล่าว
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้ แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐว่า "ภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อได้ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างหนัก ขณะที่อัตราจ้างงานปรับตัวลดลงและราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทำให้ผู้บริโภคต่างตื่นตัวเรื่องการลดการใช้จ่ายมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังจับตาดูมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ร่วงลงอย่างหนัก"
"ความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจขาลงนั้นยังคงมีอยู่ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่ว่าตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดแรงงานจะตกต่ำลงรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นไปได้ที่สถานการณ์ในตลาดสินเชื่อจะเข้าขั้นวิกฤติจนยากที่จะเยียวยาได้ ด้วยเหตุนี้เฟดจึงพร้อมที่จะใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ และจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อสกัดกั้นความเสี่ยงในหลายๆด้าน อย่างไรก็ตาม ผมคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวในปลายปีนี้" เบอร์นันเก้กล่าว ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ตีความว่าเฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ