นายอาซูโตส กุมาร์ อาการ์วาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) (PTL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้งวดปี 62/63 (1 เม.ย.62-31 มี.ค. 63) เติบโต 6-7% สูงกว่าระดับปกติที่เคยเติบโตปีละ 2-3% เนื่องจากงวดครึ่งปีหลังกำลังการผลิต BOPP จากโรงงานในประเทศอินโดนีเซียจะเข้ามาเสริมอีก 60,000 ตัน/ปีในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นราว 30-40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันธุรกิจแผ่นฟิล์มจะมีอุปทานส่วนเกินในตลาดค่อนข้างมาก แต่บริษัทได้วางกลยุทธ์เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มออกมามากขึ้น และมีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาด ซึ่งช่วยบริษัทลดความเสี่ยงจากภาวะอุตสาหกรรมที่มีอุปทานส่วนเกินและมีการแข่งขันด้านราคาขายกัน โดยการมีผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มเข้ามายังช่วยผลักดัน EBITDA ของบริษัทให้เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนกรณีที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในปัจจุบันนั้น บริษัทยอมรับว่ามีผลกระทบกับผลการดำเนินงานบ้างหากมีการแปลงรายได้จากต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท แต่หากคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่บริษัทใช้เป็นสกุลเงินหลักในการขายผลิตภัณฑ์จะไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งราคาขายผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันยังถือว่ามีส่วนต่างในระดับที่ดี เพราะราคาน้ำมันปรับตัวลดลงช่วยให้ต้นทุนของบริษัทลดลงตาม
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ใช้ลงทุนสร้างโรงงานผลิต BOPP ในอินโดนีเซีย จำนวน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอีก 40 ดอลลาร์สหรัฐฯจะใช้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของโรงงานในประเทศไทยและตุรกี ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตฟิล์มแบบบางเพิ่มขึ้นอีก 44,000 ตัน/ปี และผลิตภัณฑ์เรซินเพิ่มขึ้นอีก 73,000 ตัน/ปี ซึ่งจะมาเสริมศักยภาพของการผลิต หลังจากที่กำลังการผลิตทั้งหมดที่บริษัทมีได้ใช้เต็มที่ทั้ง 100% แล้ว