นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ารายได้ในปีนี้ลงเหลือเติบโต 5% จากเดิมที่ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% หลังจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ และภาวะภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อยอดการเติมเงินผ่านตู้บุญเติมของกลุ่มลูกค้าหลัก
นอกจากนั้น บริษัทยังได้รับผลกระทบจากการเลื่อนเปิดธุรกิจใหม่ออกไป ได้แก่ ธุรกิจให้บริการด้านสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าน่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในไตรมาส 4/62 รวมทั้งเลื่อนธุรกิจตู้ส่งพัสดุและตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าออกไปเป็นปี 63 ด้วย
แม้ว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะมีการชะลอตัว แต่บริษัทยังมั่นใจว่ากำไรในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทยังมั่นใจว่ากำไรในปี 62 ยังทำสถิติสูงสุดได้ เพราะรายได้ยังมีการเติบโตขึ้น และยังมีรายได้จากธุรกิจที่เป็นพันธมิตรในการให้บริการกับธนาคารพาณิชย์ทั้งการรับฝาก การชำระเงิน การขายสลากออมทรัพย์ และการให้บริการ E-KYC ซึ่งบริษัทได้รับค่าธรรมเนียมในระดับที่ดี
และหากบริษัทสามารถเปิดให้บริการธุรกิจสินเชื่อได้ในไตรมาส 4/62 จะส่งผลผลักดันต่อการเติบโตของกำไร เพราะธุรกิจดังกล่าวป็นธุรกิจที่ให้มาร์จิ้นดีราว 20% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีแรกไว้ที่ 500 ล้านบาท
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าเพิ่มจำนวนตู้บุญเติมให้ครอบคลุมและเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น ในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีจำนวนตู้บุญเติมทั้งหมด 134,000 ตู้ หรือเพิ่มขึ้น 4,000 ตู้ พร้อมทั้งเพิ่มบริการใหม่เข้ามา ในไตรมาส 3/62 จะเพิ่มบริการจำหน่ายสลากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และในไตรมาส 4/62 จะเริ่มจำหน่ายสลากของธนาคารออมสิน ซึ่งจะทำให้มีปริมาณและจำนวนธุรรมผ่านตู้บุญเติมเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการเพิ่มจำนวนตู้จำหน่ายเครื่องดื่มและสินค้าเป็น 4,000 ตู้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของประชาชนหันมาซื้อสินค้าและเครื่องดื่มผ่านตู้อัตโนมัติมากขึ้น เพราะซื้อได้สะดวกและรวดเร็ว ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนตู้จำหน่ายเครื่องดื่มและสินค้าทั้งหมด 2,200 ตู้ และมองว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
ส่วนการเพิ่มบริการใหม่ๆ นั้นบรริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 2 ราย เพื่อเพิ่มบริการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก โดยจะร่วมลงทุนกับพันธมิตร คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 63 ซึ่งบริษัทยังมองโอกาสขยายงานด้านอื่นๆ ที่จะเข้ามาเสริมการให้บริการผ่านตู้บุญเติมเพิ่มเติมในอนาคต