หุ้น BJC ปรับขึ้น 4.57% มาที่ 51.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 618.2 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.36 น. โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 49.25 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 52 บาท และราคาทำระดับต่ำสุดที่ 49.25 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 1.48%
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ให้ราคาเหมาะสมที่ 73 บาท หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+18%YoY,2%QoQ) ดีกว่าคาด 28% ได้แรงหนุนจากมาร์จิ้นที่ปรับดีขึ้นเป็น 19.9% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจอุปโภคบริโภค และ Retail โดยสัดส่วนการขายสินค้า B2B ลดลง เพราะเลือกขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นและบริหารสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น
ขณะที่รายได้ยังเห็นการเติบโตที่ 4 หมื่นล้านบาท (+4%YoY,+5%QoQ) ซึ่งเป็นการเติบโตของทุกธรกิจ การจ่ายภาษีที่ลดลง เป็น 11% จากปีก่อนที่ 21% คาดได้ประโยชน์จากการบันทึกภาษีที่ได้สิทธิประโยชน์จาก BOI และปรับโครงสร้างทางภาษีเข้าสู่ภาวะปกติ
ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร 8.8 พันล้านบาท (+11%YoY,+8%QoQ) มีบันทึกค่าใช้จ่ายเพิ่มจาก employee benefit จำนวน 306 ล้านบาท รวมถึงค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและมีค่าใช้จ่ายปิดสาขาไป 25 แห่ง รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการเปิดสาขาใหม่
สำหรับอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 2/62 อยู่ในเกณฑ์ -0.3% ถ้าไม่รวมลูกค้า B2B จะเป็นบวก 0.4% โดย BJC ยังคงแผนการเปิดตัวสาขาใหม่ในต่างประเทศ คือประเทศกัมพูชา 1 แห่ง ในเดือน ตุลาคม ตั้งเป้าเปิดสาขา MINI Bigc 200 สาขาภายในปี โดยในไตรมาส 2/62 เปิดสาขาแล้ว 63 แห่ง โดยใน 1H62 เปิดสาขาใหม่ แล้ว 90 สาขา
ทั้งนี้ มองว่า BJC มีพัฒนาการที่ดีในการสร้างยอดขายในทุกธุรกิจ รวมถึงการปรับปรุงและการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของความสามารถในการทำกำไร เห็นได้จากระดับมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงโอกาสขยายตัวไปยังต่างประเทศ เป็นการต่อยอดรายได้ไปในอนาคต