นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายเหล็ก งวดปีการเงิน 63 (เม.ย.62-มี.ค.63) เติบโต 5-10% จากงวดปีก่อนหน้า โดยไตรมาส 1 มีปริมาณการขายแล้ว 299,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 282,000 ตัน โดยมาจากการขายในประเทศเป็นหลัก
โดยเฉพาะเหล็กเส้น เหล็กตัดและดัด มีปริมาณการขายรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 166,000 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 140,000 ตัน รวมถึงเหล็กลวด ที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นมาที่ 83,000 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 82,000 ตัน ขณะที่การส่งออกในไตรมาสนี้ ปรับตัวลดลงมาที่ 39,000 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 49,000 ตัน แต่ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 36,000 ตัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบปริมาณการขายกับไตรมาส 4 ของปีการเงิน 62 (ม.ค.-มี.ค.62) พบว่าปรับตัวลงเล็กน้อย จากปริมาณการขายรวม 305,000 ตัน ขณะที่ราคาสินค้าลดลงจากความเชื่อมั่นของตลาดที่ลดลง
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปีการเงิน 63 น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก แม้ภาพความต้องการเหล็กทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงชะลอตัวลง แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าด้วยรัฐบาลชุดนี้จะมีการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ น่าจะส่งผลดีต่อภาคการก่อสร้าง
รวมถึงมองว่ายังมีความต้องการเหล็กจากกลุ่มค้าปลีกและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสูง ซึ่งบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ เน้นการจำหน่ายในกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนการขายเหล็กเส้นในกลุ่มค้าปลีกอยู่ที่ 30% ส่วนบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก็มีผลักดันการจำหน่ายเหล็กตัดและดัด และสินค้าอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
ส่วนตลาดต่างประเทศ บริษัทได้ขยายการส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเชีย มาเลเซีย และอินเดียเพิ่มเติม โดยตั้งเป้ามีปริมาณการขายในต่างประเทศปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 130,000-150,000 ตัน จากเดิมอยู่ที่ 100,000-110,000 ตัน
นายราจีฟ ยังกล่าวถึงการหาผู้ลงทุนรายอื่น ของ T S Global Holdings Pte. Ltd (TSGH) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในประเทศอินเดีย เพื่อจำหน่ายหุ้นในสัดส่วน 70% ตามแผนการหาพันธมิตรสำหรับธุรกิจของบริษัทนั้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 3 ปีนี้ โดยการหาพันธมิตรเพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในประเทศอินเดีย โดยเฉพาะเรื่องของกำลังการผลิต เนื่องจากในอนาคตคาดว่าความต้องการเหล็กในอินเดียจะเติบโตเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันที่มีการบริโภคเหล็กราว 75-80 กิโลกรัม/คน ขณะเดียวกัน TSGH ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 18-19 ล้านตัน/ปี ซึ่งใน 3-5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 25-30 ล้านตัน/ปี
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการถือหุ้นของ TSGH ที่จะลดลงเหลือ 30% ก็มองว่ายังคงเป็นสัดส่วนการถือหุ้นที่มีความสำคัญ และเชื่อว่า TSGH จะยังคงช่วยต่อยอดการส่งออก และรุกขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป