โบรกฯเชียร์"ซื้อ"GPSC หลังแผนเพิ่มทุนชัดเจน มองคุ้มค่าลงทุนระยะยาวเติบโตตามกลุ่ม PTT-Synergy GLOW

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 15, 2019 14:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เพื่อรับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน หลังประกาศแผนระดมทุน 7.4 หมื่นล้านบาท นำเงินไปชำระคืนหนี้ระยะสั้นรองรับการซื้อกิจการบมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) และปรับโครงสร้างทางการเงินรักษาอัตราส่วนทางการเงินให้เหมาะสม และมีเงินลงทุนเพียงพอขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งน่าจะคุ้มค่าต่อการลงทุนระยะยาวจากการเติบโตตามกลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) และการรวมกิจการ GLOW ก่อให้เกิด Synergy ซึ่งจะเป็น Upside ต่อหุ้นในอนาคต

ขณะที่ระยะสั้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของ GLOW ในสัดส่วน 95.25% เต็มไตรมาส ส่วนกำไรในไตรมาส 4/62 ทำได้เพียงแค่ทรงตัวจากแผนการปิดซ่อมโรงไฟฟ้า แต่คาดว่าจะชดเชยได้จากภาระดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลงหลัง GPSC เพิ่มทุนและจ่ายคืนเงินกู้ระยะสั้นแล้วเสร็จในช่วงดังกล่าว

พักเที่ยงหุ้น GPSC อยู่ที่ 66.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.38% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 1.24%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                    ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เอเซีย พลัส                      ซื้อ                           70.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                 ซื้อ                           70.00
          เอเชีย เวลท์                     ซื้อ                           79.00
          หยวนต้า (ประเทศไทย)             ซื้อ                           77.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)      ซื้อ                           77.00
          เคที ซีมิโก้                       ซื้อ                           77.00

GPSC ประกาศแผนเพิ่มทุนด้วยการออกหุ้นใหม่ไม่เกิน 1,321.43 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 0.8819 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 56 บาท เพื่อระดมเงิน 7.4 หมื่นล้านบาท และเตรียมออกหุ้นกู้และกู้เงินระยะยาวไม่เกิน 6 หมื่นล้านบาท เพื่อระดมเงินใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะสั้นราว 1.3 แสนล้านบาทที่ใช้ซื้อกิจการ GLOW ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/62 พร้อมกับการเพิกถอนหุ้น GLOW จากตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนธ.ค.62

นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า หลังเพิ่มทุนจะทำให้ GPSC เติบโตขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะกลยุทธ์การเติบโตไปกับกลุ่ม PTT ที่ยังเป็นจุดเด่นของ GPSC ซึ่งเห็นได้จากการเป็นผู้ลงทุนในโครงการหน่วยผลิตพลังงาน (Energy Recovery Unit : ERU) ขนาด 250 เมกะวัตต์ ของบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ประเมินว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ GPSC อีก 3 บาท/หุ้น ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการ รวมถึงยังมีการผลิตไฟฟ้าตามโครงการ Gas to Power ขนาด 600 เมกะวัตต์ ร่วมกับบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3/62

ขณะที่การ Synergy กับ GLOW ยังได้ทำโครงการโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่นทดแทนโรงเดิมที่หมดอายุ (SPP Replacement) รวม 584 เมกะวัตต์ ซึ่งหากสำเร็จก็จะเป็น Upside ต่อมูลค่าหุ้น GPSC

"ราคาหุ้น GPSC ที่ปรับตัวลงมาก็เป็นโอกาสที่จะทยอยซื้อสะสมเพื่อหวังการเติบโตจากทั้งโครงการใหม่ SPP Replacement และ Synergy กับ GLOW ก็จะเข้ามาเป็น Upside"นางสาวนลินรัตน์ กล่าว

นางสาวนลินรัตน์ กล่าวด้วยว่า แนวโน้มกำไรปกติของ GPSC ในไตรมาส 3/62 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/62 เป็นผลจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของ GLOW ในสัดส่วน 95.25% เต็มไตรมาสครั้งแรก เทียบกับงวดก่อนหน้าที่รับรู้ในระดับ 69.11% เต็มไตรมาส และอีก 26.14% ราว 1 เดือนเท่านั้น ส่วนในไตรมาส 4/62 กำไรอาจทำได้เพียงทรงตัวจากไตรมาส 3/62 เนื่องจากแผนปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าของ GLOW และ GPSC อีกทั้งเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของความต้องการใช้ไฟฟ้า เนื่องจากมีวันหยุดเทศกาลค่อนข้างมากในช่วงปลายปี แต่คาดว่าจะชดเชยได้จากภาระดอกเบี้ยที่น่าจะลดลงหลัง GPSC เพิ่มทุนและจ่ายคืนเงินกู้ระยะสั้น 7.4 หมื่นล้านบาท รวมถึงการเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ในลาว ช่วงเดือนต.ค.นี้

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำ"ซื้อ"หุ้น GPSC เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวที่ระดับ 64-65 บาท เพื่อรับสิทธิการเพิ่มทุน ซึ่งคาดว่าคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากศักยภาพของกำลังการผลิตของ GPSC สามารถรองรับการเติบโตของโครงการในมือกลุ่ม PTT และการเติบโตของอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย ขณะที่การเข้าซื้อกิจการ GLOW จะทำให้เกิด Synergy และสร้าง Valuation กับหุ้น GPSC เพิ่มขึ้นราว 5-11 บาท

การเข้าซื้อกิจการของ GLOW ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มอีก 2,811 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กำลังการผลิตของ GPSC ในปี 63 คาดว่าเพิ่มขึ้นไปถึง 4,766 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มเป็น 5,026 เมกะวัตต์ ในปี 66 ส่งผลให้ GPSC กลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้า SPP รายใหญ่ที่สุดในประเทศ ขณะที่ภายในปี 65 คาดว่า SPP จะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้ามากถึง 49% ของประเทศ ขณะที่โครงการ IPP คิดเป็น 48% และโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาก (VSPP) และพลังงานหมุนเวียน คิดเป็น 3% ดังนั้น มองว่าการควบรวมกับ GLOW จะช่วยเพิ่ม Synergy อย่างมากในช่วงปี 63 เป็นต้นไป ซึ่งรองรับการขยายตัวในเขต EEC โดยเฉพาะการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมในกลุ่มบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA)

บทวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่าราคาหุ้น GPSC ที่พักฐานจาก Price dilution ของการเพิ่มทุนในช่วงนี้ ก่อนจะขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 3 ก.ย. ก็เป็นโอกาสทยอยสะสมช่วงหุ้นอ่อนตัว เพราะ GPSC จะมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งหลังเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อกิจการ GLOW จากกำลังผลิตไฟฟ้าในมือจะเพิ่มก้าวกระโดดเป็นราว 5,000 เมกะวัตต์ ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และการสร้าง Synergy จากการดำเนินงานร่วมกัน หนุนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่ม 1.6 พันล้านบาท/ปี ภายในปี 67 และช่วยลดค่าใช้จ่ายการลงทุน 2.5 พันล้านบาท

นอกจากนี้ GPSC ยังก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP โดยเฉพาะในนิคมอุตสากรรมมาบตาพุด และ Upside ของเงินปันผลสูงขึ้นจาก Portfolio ที่มีกระแสเงินสดสูงของ GLOW ขณะเดียวกันยังมีโอกาสถูกดึงเข้าคำนวณ Global Index เช่น MSCI จาก Market capitalization ที่สูงขึ้นมาก ซึ่งจะเป็นเป้าหมายของกระแสเงินทุนต่างชาติ

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่ากำไรปกติจะขยายตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของ GLOW ในสัดส่วนที่สูงขึ้น และรับรู้กำลังผลิตไฟฟ้าจากการเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าเขื่อนน้ำลิกในลาว ,โรงไฟฟ้าระยอง CUP4 และโรงไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรี ขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มลดลง

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติ (ไม่รวมผลกระทบจากค่าตัดจำหน่ายทางบัญชีจากการซื้อกิจการ) ปี 62-63 ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 63% จากปีก่อน และ 1.07 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% จากปีนี้ ตามลำดับ ซึ่งกำไรหลักต่อหุ้น (Core EPS) ภายหลังรวมหุ้นเพิ่มทุนปี 62 และปี 63 จะอยู่ที่ 1.95 บาท/หุ้น ลดลง 13% จากปีก่อน และ 3.79 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 94% จากปีนี้

ขณะที่ค่าตัดจำหน่ายทางบัญชีจากการซื้อกิจการ GLOW จะอยู่ที่เฉลี่ยราว 1.5 พันล้านบาท/ปี ในช่วง 15 ปีแรก ซึ่งน้อยกว่าสมมติฐานของหยวนต้าฯและตลาด โดยหยวนต้าฯประเมินไว้ 1.8 พันล้านบาท/ปี ทำให้กำไรสุทธิอาจมี Upside อย่างไรก็ตาม Valuation และ Core EPS ไม่กระทบเพราะเป็นรายการ Non-cash


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ