นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยผลการเปิดซองเอกสารข้อเสนอทางด้านการลงทุนและผลตอบแทน หรือข้อเสนอซองที่ 2 การให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ในวันนี้ (19 สิงหาคม 2562)
คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการเปิดซองเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน ของผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 ราย ผลปรากฏว่า โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) กิจกรรมร่วมค้า บีจีเอสอาร์ นำโดย บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ร่วมกับ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และ บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH) ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 21,329 ล้านบาทเป็นราคาต่ำที่สุด
เทียบกับ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 29,849 ล้านบาท และ กลุ่มกิจการร่วมค้า CCCC-UN ประกอบด้วยบมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) ร่วมกับบริษัท China Communications Construction Company Ltd. ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 26,289 ล้านบาท
ส่วนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ปรากฎว่า กิจกรรมร่วมค้า บีจีเอสอาร์ ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 17,809 ล้านบาท เป็นราคาต่ำสุด ขณะที่ BEM ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 25,196 ล้านบาท และกลุ่มกิจการร่วมค้า UN-CCCC ยื่นข้อเสนอขอรับค่าตอบแทน 23,149 ล้านบาท
อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยต่อไปอีกว่า ขั้นตอนจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือกฯ จะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดความสมบูรณ์ถูกต้องและครบถ้วนของข้อเสนอซองที่ 2 ของผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 3 ราย โดยข้อเสนอจะต้องมีความเป็นไปได้และเป็นไปตามข้อกำหนด ก่อนที่จะพิจารณาจัดลำดับเพื่อหาผู้ที่ผ่านการประเมินสูงสุด โดยผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอขอรับค่าตอบแทนต่ำที่สุดและตรวจสอบแล้วว่าข้อเสนอมีความครบถ้วนสมบูรณ์ จะถือว่าเป็น "ผู้ผ่านการประเมินสูงสุด" ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2562
และต่อจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอซองที่ 3 ข้อเสนออื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการและการดำเนินงานของกรมทางหลวง และขั้นตอนการเจรจากับผู้ผ่านการประเมินสูงสุด ก่อนที่จะประเมินให้เป็น"ผู้ชนะการคัดเลือก" และพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนอื่นๆ ของ พ.ร.บ. เอกชนร่วมลงทุนฯ ต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนได้ภายในเดือนมกราคม 2563
สำหรับขอบเขตความรับผิดชอบของเอกชนตามสัญญานี้ ประกอบด้วยงานระยะที่ 1 การลงทุนออกแบบและติดตั้งระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางและระบบบริหารจัดการจราจรที่ทันสมัย พร้อมก่อสร้างอาคารต่างๆ และองค์ประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง ภายในระยะเวลา 3 ปี ต่อจากนั้นจะเป็นงานระยะที่ 2 เอกชนจะเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ทั้งในส่วนของงานโยธาและงานระบบ ตลอดระยะเวลา 30 ปี อาทิเช่น การจัดเก็บเงินค่าผ่านทางนำส่งให้กรมทางหลวง (รัฐเป็นเจ้าของรายได้ค่าผ่านทาง) การบริหารจัดการและควบคุมการจราจร งานด่านชั่งน้ำหนัก งานกู้ภัย การซ่อมแซมบำรุงรักษาถนนและอุปกรณ์ระบบต่างๆ เป็นต้น
โดยเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนการให้บริการ (Availability Payment) หลังจากการเปิดให้บริการเส้นทางเต็มรูปแบบแล้ว ภายในวงเงินรวมไม่เกิน 33,258 ล้านบาท สำหรับสายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) และไม่เกิน 27,828 ล้านบาท สำหรับสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81)
ทั้งนี้ หากการปฏิบัติงาน O&M ของเอกชนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ เช่น ความเรียบของผิวถนน การสะท้อนแสงของป้ายและเส้นจราจร ความสว่างของไฟส่องทาง การซ่อมแซมถนนที่ชำรุดเสียหายให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด การจัดการรถติดขัดบริเวณหน้าด่าน การตอบสนองต่ออุบัติเหตุและเหตุการณ์ฉุกเฉิน ความพร้อมใช้งานของอุปกรณ์งานระบบต่างๆ ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ อัตราการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิต การรักษาคุณภาพตามเกณฑ์การประเมินมาตรฐาน ISO เป็นต้น เอกชนจะถูกปรับลดค่าตอบแทนที่จะได้รับในแต่ละไตรมาสตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ต่อไป