นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน โดยมีโอกาสที่ดัชนีฯจะเปิดในแดนบวกก่อนที่จะย่อตัวลงมา เนื่องจากตลาดฯได้รับตอบรับหลายปัจจัยไปในระดับหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สติดลบ แต่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ยังเคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.3-0.4% ซึ่งคงจะต้องรอดูพัฒนาการหลายปัจจัยในต่างประเทศต่อไป
ทั้งเรื่องการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล ระหว่างวันที่ 22-24 ส.ค. ว่าประธานเฟดจะมีการส่งสัญญาณอะไรออกมา และวันนี้ก็ติดตามการเมืองในอิตาลีที่จะมีการอภิปรายกัน รอดูจะเป็นอย่างไร เพราะอิตาลีก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีหนี้สินมาก
ส่วนบ้านเราวันนี้ก็มีการนำเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งตลาดฯก็ได้ตอบรับเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้น เมื่อครม.อนุมัติก็อาจเผชิญ Sell on fact ได้ ในทางกลยุทธ์คงแนะให้"ขาย"เมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น และ"ซื้อ"ได้เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,615 จุด ส่วนแนวต้าน 1,645 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ส.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,135.79 จุด พุ่งขึ้น 249.78 จุด (+0.96%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,923.65 จุด เพิ่มขึ้น 34.97 จุด (+1.21%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,002.81 จุด เพิ่มขึ้น 106.82 จุด (+1.35%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 42.19 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 35.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 4.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.92 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 20.76 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ส.ค.62) 1,637.26 จุด เพิ่มขึ้น 5.86 จุด (+0.36%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,114.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ส.ค.62) ปิดที่ 56.21 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.44%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ส.ค.) อยู่ที่ 4.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.81/85 แนวโน้มเคลื่อนไหวกรอบแคบหลังไร้ปัจจัยกระทบมาก มองกรอบ 30.78-30.85
- "ประวิตร" ค้าน "ฟรีวีซ่า" นักท่องเที่ยวจีน-อินเดีย ห่วงเรื่องความปลอดภัย ด้าน "อุตตม-พิพัฒน์" เดินหน้าชง ครม. อนุมัติวันนี้ ชี้เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะ "จีดีพี" ไตรมาส 2 โต 2.3% ต่ำสุดรอบ 19 ไตรมาส ด้าน "วิรไท" มั่นใจเศรษฐกิจไทยไม่เผชิญภาวะถดถอย ย้ำแค่ชะลอตัว ยอมรับไม่สบายใจเงินบาทยังแข็งค่า
- "สภาพัฒน์" เผยจีดีพีไตรมาส 2/62 โต 2.3% ต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี พร้อมปรับลดจีดีพีปี 62 ใหม่ เหลือโตแค่ 3% เหตุสงครามการค้าฉุดส่งออกติดลบ การบริโภค การท่องเที่ยวซบ "อุตตม" เข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.16 แสนล้านบาท เข้า ครม. วันนี้ มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.55-0.56% ดันจีดีพีปีนี้โตตามเป้าที่ 3% ด้านแบงก์ชาติเล็งปรับคาดการณ์จีดีพีในเดือนก.ย.นี้
- คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ไฟเขียวดำเนินโครงการประกันรายได้ "ปาล์มน้ำมัน" กำหนดราคาประกันโลละ 4 บาท ให้สิทธิ์ครัวเรือนละ 25 ไร่ เตรียมชง ครม. เห็นชอบ
- 'สุริยะ' สั่ง กนอ.เร่งศึกษาถมทะเลแหลมฉบังรอบด้าน 3,000 ไร่ ป้อนเอ็กซอนฯ-อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ภายใน 6 เดือน ก่อนเสนอ 'บิ๊กตู่' ทุบโต๊ะทำ-ไม่ทำ เร่งหาพื้นที่ลงทุนเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ ดันสมาร์ท พาร์ค-มาบตาพุดเฟส 3 เข้า ครม.ก.ย.นี้
- "ธอส." เตรียมถกคลังออกสินเชื่อบ้านรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รับหั่นดอกเบี้ยเหลือ 2.5-2.7% ห่วงกระทบกำไร "ธอส." เล็งออกสลากใบละ 5 หมื่นบาท แทน 500 บาท หวังช่วยคนออมเงินมากขึ้น คาดเริ่มขายได้ ม.ค.2563
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 21 บาท แนวโน้มกำไร Q3/62 จะโดดเด่นและน่าจะทำ new high ตามฤดูกาลและการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของค่าภาระเสี่ยง (คาด 50-60 ล้านบาท) WMC จะกลับมาโตอีกครั้งจากผู้ป่วยตะวันออกกลางในศูนย์เบาหวาน และแพทย์มีการเพิ่มชั่วโมงทำงาน ส่วนสมาคม รพ.เอกชนอยู่ระหว่างขอเพิ่มค่าหัวประกันสังคมในปี 2563 เป็น upside ต่อประมาณการกำไร
- JMART (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Bloomberg Consensus 14 บาท ได้ Sentiment บวกจากข่าวสหรัฐขยายเวลาทำธุรกรรมกับหัวเว่ยออกไปอีก 90 วัน เท่ากับว่ามือถือหัวเว่ยในตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกจะยังใช้งานระบบ Android และแอพฯต่าง ๆ ของ Google ได้ อาทิ YouTube, Google Maps ทำให้ผู้ขายมือถือโดยเฉพาะ JMART ไม่ได้รับผลกระทบจากการแบนดังกล่าว
- RS (หยวนต้าฯ) "สะสม" ให้ราคาเหมาะสม 18.80 บาท คาดผลประกอบการ 2H62 จะเติบโต HoH จากแรงหนุนของธุรกิจ MPC ซึ่งมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 20 SKUs รวมทั้งเพิ่มช่องทางขายผ่านไทยรัฐทีวี และ Call Centerนอกจากนั้น ยังได้แรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือทีวีดิจิทัลส่งผลให้ต้นทุนลดลงราว 46 ล้านบาท ใน 2H62 และรับผลบวกเต็มปีในปี 2563 ดังนั้น คาดกำไรปี 2562 เติบโต +17% YoY และ +22% YoY ในปี 2563