นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กล่าวถึงแผนการจัดหาเครื่องบินระยะที่ 2 จำนวน 38 ลำ มูลค่า 1.56 แสนล้านบาทของบมจ.การบินไทย (THAI) ว่า จากการหารือกับผู้บริหาร THAI เพื่อให้เกิดความละเอียดรอบคอบในการดำเนินการ หลังจากได้ขอคำชี้แจง 6 ประเด็นที่ยังมีข้อสงสัย โดยคาดว่าเรื่องนี้จะส่งเรื่องกลับมาให้พิจารณาในช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ และจะนำส่งให้กับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่เกินวันที่ 15 ก.ย.62 เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
"รัฐมนตรีไม่มีอำนาจ เพราะการบริหารผ่านบอร์ดการบินไทย ซึ่งมีตัวแทนผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ถือ 51% กองทุนวายุภักดิ์ ถือ 15% ธนาคารออมสิน ... แต่ในฐานะผู้กำกับต้องการให้การบินไทยดำเนินการอย่างรอบคอบ"นายถาวร กล่าว
ทั้งนี้ ประเด็นที่ รมช.คมนาคม ให้การบินไทยชี้แจง ได้แก่ แหล่งที่มาเงินทุนที่ชัดเจนว่ามาจากหุ้นกู้หรือหุ้นเพิ่มทุน , ต้นทุนทางการเงินปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งให้ชี้แจงถึงต้นทุนทางการเงิน เช่น ดอกเบี้ย แนวทางการชำระเงินกู้ เพราะปัจจุบันบริษัทมีภาระการชำระเงินกู้สูงมาก
ข้อเท็จจริงประมาณการรายได้ กำไรและขาดทุน ที่ชัดเจนและเป็นจริง, แผนยุทธศาสตร์ในปี 62-69 ที่จะซื้อเครื่องบินว่าซื้อแล้วจะมีการใช้เครื่องบินที่ใช้บินระยะทางใกล้และระยะทางไกล หรือจะใช้เครื่องบินลำตัวกว้าง หรือ ลำตัวแคบอย่างไร , วิธีการจัดหาเครื่องบิน 38 ลำ ใช้วิธีใด และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และชี้แจงความเสี่ยงทุกๆด้าน
ส่วนประเด็นที่เครื่องบินที่ได้จัดหาแล้ว โบอิ้ง 777 จำนวน 3 ลำ ที่มีกำหนดรับมอบในปลายปี 63 นายถาวร กล่าวว่า ได้รับคำชี้แจงจากผู้บริหารว่า ถ้ารวมกับที่จัดหาใหม่ 38 ลำก็รวมเป็น 41 ลำ นอกจากนี้ยังให้ผู้บริหารเอาจริงกับการลดค่าใช้จ่ายด้วย
"สถานการณ์การบินไทยน่าเป็นห่วง ทุกคนเป็นห่วง ผลประกอบการสายการบินแห่งชาติของเรา มีความพร้อมขนาดไหนที่จะซื้อเครื่องบิน 38 ลำ ...แต่คำชี้แจงของดีดี ถ้าเราไม่มีเครื่องบินเช้ามาเสริม เราไม่มีโอกาสการแข่งขันกับบริษัทที่ทำการแข่งขันกับเรา ผมในฐานะผู้กำกับตั้งคำถามให้ท่านใช้ความรอบคอบในการบริหาร รัฐมนตรีเป็นผู้กำกับ การบินไทยเป็นบริษัทมหาชน อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ก็มีผู้ถือหุ้นตรวจสอบ เห็นว่าดีดี ได้เชิญคณะผู้ที่เกี่ยวข้อง ทุกฝ่ายของการบินไทยว่าจะมาตอบคำถามอย่างไร" รมช.คมนาคม กล่าว