นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจแนวราบ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะกลับมากคึกคักมากขึ้น หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรนเกณฑ์ของมาตรการ LTV ในส่วนของผู้กู้ร่วมและผู้ค้ำประกันสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้และไม่ถูกจัดเป็นผู้ซื้อสัญญาที่ 2 ทำให้ลดความกังวลในการตัดสินใจซื้อของผู้กู้ร่วมและผู้ค้ำประกัน ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าในส่วนนี้กลับเข้ามาในตลาดมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และเป็นโอกาสของบริษัทที่ขายโครงการได้มากขึ้น
ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลาง-บน จะยังเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการสามารถขายที่อยู่อาศัยได้อย่างต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวอยู่ในปัจจุบัน เพราะกลุ่มลูกค้าดังกล่าวที่มีกำลังซื้อสูง และได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวไม่มากเท่ากับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ทำให้กลยุทธ์การพัฒนาโครงการในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ากลาง-บน ที่ยังมีความสามารถในการซื้อและมีความเสี่ยงการถูกปฏิเสธสินเชื่อน้อยกว่ากลุ่มลูกค้าระดับล่าง หรือมีการพึ่งพาการใช้สินเชื่อไม่มาก
สำหรับโครงการแนวราบที่จะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับกลาง-บน จำนวน 17 โครงการ มูลค่ารวม 1.58 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 8.69 พันล้านบาท และโครงการทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 7.11 พันล้านบาท
พร้อมกันนี้ได้เปิดแบรนด์ใหม่ คือ โครงการ THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท เป็นโครงการบ้าน Luxury Duplex Home 3 ชั้นสุดหรู (บ้านแฝด) 56 ยูนิต บนพื้นที่ 12 ไร่ ขนาดที่ดินเริ่มต้น 40-73 ตารางวา ราคาขายเริ่มต้น 12-15 ล้านบาท/ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการที่จะมาเติมเต็มช่องว่างของผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยที่ลูกค้าต้องการฟังก์ชั่นด้านพื้นที่ใช้สอยต่อยอดจากทาวน์เฮาส์
อีกทั้งโครงการดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าระดับบนในกลุ่ม Luxury Duplex Home ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าแนวราบใหม่ของบริษัท ที่เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัวเมืองรุ่นใหม่ระดับบน ที่มีอายุระหว่าง 30-45 ปี ที่ต้องการบ้านที่มีเอกลักษณ์ความงามเฉพาะตัว สามารถรองรับการอยู่อาศัยร่วมกันของสมาชิกทุกวัยในครอบครัวใหญ่
โครงการ THE SONNE ศรีนครินทร์-บางนา จะเริ่มเปิดขายในวันที่ 7-8 ก.ย.นี้ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า หลังจากปัจจุบันมีลูกค้าที่สนใจเข้ามาลงทะเบียนแล้วกว่า 300 คน และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้ มีกำหนดการโอนในไตรมาส 4/63
นายภมร กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 5.48 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น Backlog จากโครงการแนวราบ จำนวน 9.54 พันล้านบาท ที่จะทยอยโอนภายในปี 62 ทั้งหมด ส่วน Backlog จากคอนโดมิเนียม ซึ่งรวมโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุน จำนวน 4.53 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเอง 4.89 พันล้านบาท และเป็น Backlog จากคอนโดมิเนียมร่วมทุน 4.04 หมื่นล้านบาท จะทยอยโอนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้และรอรองรับไปถึง 2-3 ปี โดยยังมั่นใจว่ายอดโอนในปีนี้ยังทำได้ตามเป้าหมาย 3.59 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากโครงการแนวราบ 2.05 หมื่นล้านบาท และส่วนที่เหลือมาจากโครงการคอนโดมิเนียม
ด้านยอดขายในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ สามารถทำได้แล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 57% ของเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปี 62 ที่ระดับ 4.18 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น ยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 1.06 หมื่นล้านบาท และยอดขายจากโครงการแนวราบ 1.4 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยยอดขายต่อสัปดาห์ราว 451 ล้านบาท ซึ่งถือว่าโตเกินจากเป้าหมายที่วางไว้อย่างมาก โดยเฉพาะยอดขายโครงการแนวราบที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อสินค้าและบริการในเครือ APได้เป็นอย่างดี