หุ้น SUPEREIF เปิดเทรดวันแรกที่ 11.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท (+13%) จากราคาเสนอขาย 10 บาท/หน่วย
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯให้ความเห็นว่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ชื่อ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี ใช้ชื่อย่อว่า SUPEREIF จุดที่น่าสนใจคือ ปันผลสูง ปีแรกคาดว่าเป็น 7.5% โดยปีแรกทางกองทุนฯคาดว่าเงินปันผลเป็น 387 ล้านบาท หรือ 0.75 บาทต่อหุ้นคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผล 7.5% เทียบกับราคาจองที่ 10.00 บาท แต่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยปันผลตลอดอายุที่เหลือราว 22 ปี เป็น 6-6.5% สาเหตุที่ต่ำกว่าปีแรกเพราะเป็นปกติที่ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจะลดลงไปตามอายุการใช้งานของแผงโซลาร์ ซึ่งปกติจะมากกว่า 20 ปี
ทั้งนี้ จะไม่มีการรับประกันการจ่ายปันผล (Guarantee) เนื่องจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเป็นการขายออกไปอย่างแท้จริง (True Sales) และมีโอกาสจ่ายปันผลได้ทุกไตรมาส แม้ว่าตามนโยบายคือ จ่ายไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง ตามสภาพคล่องทางการเงินที่ดีของธุรกิจ
ข้อดีคือ ได้รับรายได้ค่าไฟฟ้าที่แน่นอน สม่ำเสมอ จ่ายตรงเวลา และเป็นระยะเวลาอีกนาน ในจำนวนปีที่เหลือ 22 ปี ของอายุสัญญาทั้งหมด 25 ปี จากผู้รับซื้อไฟฟ้ารายหลักคือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้านข้อเสียคือ มีปัจจัยฤดูกาล เช่น หน้าฝนจะผลิตไฟฟ้าโซลาร์ได้น้อยลงบ้าง
ทาง กฟภ.จะรับซื้อไฟฟ้าได้ทั้งหมดที่ผลิต แต่ราคาแปรผันตามข้อกำหนด คือ ถ้าอยู่ภายใต้สัญญา เพดานเป็น 5.66 บาทต่อหน่วย แต่หน่วยที่เกินจะได้ราคาที่ลดลงเป็น 3.00-3.50 บาทต่อหน่วย ดังนั้น ทางกองทุนฯจึงมีนโยบายที่จะผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มที่
ทางบมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) จะไม่ขายกองทุนฯ ภายใน 12 ปี เนื่องจากกองทุนฯได้กู้เงินกับธนาคารกรุงเทพ (BBL) และระบุในสัญญาเงินกู้ว่าทาง SUPER จะไม่มีการขายหุ้นออกมา (Silent Period) จนกว่ากองทุนฯจะใช้เงินกู้หมด หรือตามอายุเงินกู้ที่ 12 ปี ทั้งนี้ SUPER ได้เข้าถือหุ้นใน SUPEREIF อยู่ 20%
ด้านราคาซื้อขายกองทุนฯอาจจะมากกว่าราคาประเมิน จากผู้ประเมิน 2 รายคือ บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ ได้ตีราคามูลค่ายุติธรรมของสิทธิในรายได้สุทธิของทั้งสองบริษัทที่ 8,111 ล้านบาท และ 7,943-8,529 ล้านบาท ตามลำดับ และหลังจากหักเงินกู้ที่ 3,000 ล้านบาท ก็จะคิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ที่คิดเป็นต่อหน่วยที่ 9.92 บาท และ 9.59-10.74 บาท ตามลำดับ แต่เนื่องจากตอนช่วง IPO มีความต้องการจองซื้อกองทุนฯอย่างมาก จึงอาจทำให้ราคาซื้อขายสูงกว่า NAV
ในอนาคตกองทุนอาจมีการซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมจาก SUPER อีก ขึ้นกับการเจรจาในอนาคต ทั้งนี้ในปัจจุบัน SUPER มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ในประเทศอีก 770 MW และที่เวียดนามอีก 236 MW ซึ่งปัจจุบัน COD แล้ว 186 MW และรอจะ COD อีก 50 MW ในอนาคต