SUPEREIF เปิดเทรดวันแรกที่ 11.30 บาท โบรกฯมองจุดน่าสนใจอยู่ที่ปันผลสูง-เล็งปีแรกจ่าย 7.5%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 21, 2019 10:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น SUPEREIF เปิดเทรดวันแรกที่ 11.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท (+13%) จากราคาเสนอขาย 10 บาท/หน่วย

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯให้ความเห็นว่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ชื่อ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี ใช้ชื่อย่อว่า SUPEREIF จุดที่น่าสนใจคือ ปันผลสูง ปีแรกคาดว่าเป็น 7.5% โดยปีแรกทางกองทุนฯคาดว่าเงินปันผลเป็น 387 ล้านบาท หรือ 0.75 บาทต่อหุ้นคิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผล 7.5% เทียบกับราคาจองที่ 10.00 บาท แต่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยปันผลตลอดอายุที่เหลือราว 22 ปี เป็น 6-6.5% สาเหตุที่ต่ำกว่าปีแรกเพราะเป็นปกติที่ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจะลดลงไปตามอายุการใช้งานของแผงโซลาร์ ซึ่งปกติจะมากกว่า 20 ปี

ทั้งนี้ จะไม่มีการรับประกันการจ่ายปันผล (Guarantee) เนื่องจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเป็นการขายออกไปอย่างแท้จริง (True Sales) และมีโอกาสจ่ายปันผลได้ทุกไตรมาส แม้ว่าตามนโยบายคือ จ่ายไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง ตามสภาพคล่องทางการเงินที่ดีของธุรกิจ

ข้อดีคือ ได้รับรายได้ค่าไฟฟ้าที่แน่นอน สม่ำเสมอ จ่ายตรงเวลา และเป็นระยะเวลาอีกนาน ในจำนวนปีที่เหลือ 22 ปี ของอายุสัญญาทั้งหมด 25 ปี จากผู้รับซื้อไฟฟ้ารายหลักคือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้านข้อเสียคือ มีปัจจัยฤดูกาล เช่น หน้าฝนจะผลิตไฟฟ้าโซลาร์ได้น้อยลงบ้าง

ทาง กฟภ.จะรับซื้อไฟฟ้าได้ทั้งหมดที่ผลิต แต่ราคาแปรผันตามข้อกำหนด คือ ถ้าอยู่ภายใต้สัญญา เพดานเป็น 5.66 บาทต่อหน่วย แต่หน่วยที่เกินจะได้ราคาที่ลดลงเป็น 3.00-3.50 บาทต่อหน่วย ดังนั้น ทางกองทุนฯจึงมีนโยบายที่จะผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มที่

ทางบมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) จะไม่ขายกองทุนฯ ภายใน 12 ปี เนื่องจากกองทุนฯได้กู้เงินกับธนาคารกรุงเทพ (BBL) และระบุในสัญญาเงินกู้ว่าทาง SUPER จะไม่มีการขายหุ้นออกมา (Silent Period) จนกว่ากองทุนฯจะใช้เงินกู้หมด หรือตามอายุเงินกู้ที่ 12 ปี ทั้งนี้ SUPER ได้เข้าถือหุ้นใน SUPEREIF อยู่ 20%

ด้านราคาซื้อขายกองทุนฯอาจจะมากกว่าราคาประเมิน จากผู้ประเมิน 2 รายคือ บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ ได้ตีราคามูลค่ายุติธรรมของสิทธิในรายได้สุทธิของทั้งสองบริษัทที่ 8,111 ล้านบาท และ 7,943-8,529 ล้านบาท ตามลำดับ และหลังจากหักเงินกู้ที่ 3,000 ล้านบาท ก็จะคิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ที่คิดเป็นต่อหน่วยที่ 9.92 บาท และ 9.59-10.74 บาท ตามลำดับ แต่เนื่องจากตอนช่วง IPO มีความต้องการจองซื้อกองทุนฯอย่างมาก จึงอาจทำให้ราคาซื้อขายสูงกว่า NAV

ในอนาคตกองทุนอาจมีการซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมจาก SUPER อีก ขึ้นกับการเจรจาในอนาคต ทั้งนี้ในปัจจุบัน SUPER มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ในประเทศอีก 770 MW และที่เวียดนามอีก 236 MW ซึ่งปัจจุบัน COD แล้ว 186 MW และรอจะ COD อีก 50 MW ในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ