GBS ลุ้น SET รีบาวด์จากคาดหวังผลบวกมาตรการกระตุ้นศก. พร้อมชู ERW-CENTEL-AOT-BJC-CPALL-TNP

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 21, 2019 10:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฝ่ายวิจัยบล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาส รีบาวด์ในกรอบจำกัด โดยนักลงทุนคลายความวิตกกังวลประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และ 30 ปีปรับตัวขึ้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐวงเงิน 3.16 แสนล้านบาท คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,640 จุด

สำหรับปัจจัยที่ยังคงกดดันความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ได้แก่ การปรับคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดลง 40,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 1.1 ล้านบาร์เรลเมื่อเทียบรายปี เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งความเชื่อมั่นบริโภคสหรัฐในเดือนส.ค.ร่วงลงต่ำกว่ากว่าคาดเนื่องจากวิตกสงครามการค้า และล่าสุดทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปีนี้เหลือโต 2.7-3.2% จากเดิม 3.3-3.8% หลังจากครึ่งปีแรกของปี 62 GDP ขยายตัวเพียง 2.6% ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเชื่อว่า GDP ปีนี้ยังขยายตัวได้ 3% รับแรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

รวมทั้งยังคงต้องจับตาการรายงานตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐเดือนก.ค. ในวันที่ 21 ส.ค. นี้ พร้อมกับตัเลข สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะทราบผลในช่วงเช้าวันที่ 22 ส.ค. ขณะเดียวกันในวันดังกล่าว (22 ส.ค.) ทางสหภาพยุโรป (อียู) จะมีการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค. ส่วนวันที่ 22-24 ส.ค. กำหนดการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล ภายใต้หัวข้อ "ความท้าทายสำหรับนโยบายการเงิน (Challenges for Monetary Policy)" ซึ่งนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์นี้ (23 ส.ค.) และในที่ 23 ส.ค. สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.

ด้านนางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มว่า สำหรับปัจจัยบวกใหม่ ๆ ในประเทศขณะนี้รอเม็ดเงินการลงทุน ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจในการเห็นชอบกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนแก้ปัญหาภัยแล้ง กระตุ้นการลงทุนและการบริโภค รวมทั้งช่วยผู้ประกอบการ SME และช่วยค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย โดยครม.เศรษฐกิจ แถลงตั้งเป้าดัน GDP ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3% จากช่วง 2.7-3.2% ปี 2563 โต 3.5% ก็ตาม

ดังนั้น แนะนำแนะนำกลยุทธ์ การลงทุนในหุ้น ที่น่าลงทุน ดังนี้ 1 หุ้น Defensive Stock เช่น EASTW, TTW, BCH, CPALL, BJC 2.หุ้น High Dividend เช่น SIRI, QH, TISCO, KKP, ANAN 3. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ได้แก่ AP, QH, LH, SPALI และ 4.หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ได้แก่ ERW, CENTEL, AOT, BJC, CPALL, TNP

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าจะมีเปิดเผยการกระตุ้นเศรษฐกิจจากประธานเฟด ในการประชุมแจ๊กสัน โฮลสุดสัปดาห์นี้(คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. นี้ลง 0.25%) คาดกรอบราคาทองคำสัปดาห์นี้ที่ 1,495-1,535 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 21,830-22,470 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ