นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) คาดว่าในงวดปี 62 (สิ้นสุด ก.ย.) กำไรสุทธิ ใกล้เคียงปีก่อนที่มี 2.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ราว 5-6% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ เป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด ซึ่งคาดว่าในงวดปีนี้จะเติบโต 1.5% ต่ำกว่าเป้าที่คาดโต 6% จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศคาดเติบโตเพียง 4-5% จากปีก่อนโต 8-9% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงมากหลังเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อปีก่อน และผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่วนในประเทศไม่โตจากกำลังซื้อในประเทศลดลงมาก สายการบินโลว์คอสต์อิ่มตัวแล้วซึ่งเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ปี 57-58 แล้ว
ทั้งนี้ AOT ยังไม่แนวคิดปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสนามบินในขณะนี้ เพราะบริษัทยังได้รับค่าธรรมเนียมสนามบิน (PSC) ของเส้นทางต่างประเทศที่ 700 บาท/คน และบริษัทก็ยังมีเงินสดในมือ มากถึง 7 หมื่นล้านบาทที่เพียงพอต่อการลงทุน
นายนิตินัย กล่าวว่า จากสัญญาณการชะลอตัวของการท่องเที่ยว บริษัทได้ปรับกลยุทธ์หันมาเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน (Non-Aero) มากขึ้น ได้แก่ ดิวตี้ฟรี พื้นที่เชิงพาณิชย์ เป็นต้น จากปัจจุบันมีสัดส่วยรายได้ Aero และ Non-Aeroที่ 57:43 ปรับเป็น 55:45 ในงวดปี 63 และคาด 50:50 ในงวดปี 64
ทั้งนี้ แม้รายได้จากธุรกิจการบินชะลอตัวจากสถานการณ์การท่องเที่ยว แต่ในงวดปี 64 AOT จะรับรู้กำไรจากธุรกิจดิวตี้ฟรีที่เป็นสัญญาฉบับใหม่กับกลุ่มคิงเพาเวอร์ ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตมากขึ้น
ขณะที่ในงวดปี 63 ก็จะเริ่มรับรู้จากธุรกิจใหม่ ได้แก่ โครงการศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออก (Certify Hub) เมืองการบิน(Airport City) Digital Platform เป็นต้น จะช่วยประคองผลประกอบการ