โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) หลังมองกำไรปี 62 เติบโตจากปีก่อน จากการทยอยรับรู้รายได้มูลค่างานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับผลประกอบการในปี 62-63 ประกอบกับยังมีโอกาสได้งานใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมถึงการที่รัฐบาลใหม่เข้ามาเร่งงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ หนุนภาพรวมของอุตสาหกรรมฐานรากให้สดใส และหากรัฐบาลเปิดประมูลงานใหม่เร็วกว่าที่คาด ก็จะส่งผลให้มี Upside Risk ต่อประมาณการทันที
พักเที่ยงราคาหุ้น SEAFCO อยู่ที่ 7.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.32% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.63%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 10.60 เอเชีย เวลท์ ซื้อ 10.60 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 10.10 ทิสโก้ ซื้อ 11.00 ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ซื้อ 10.63 เออีซี ซื้อ 9.50 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 9.60 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 10.90
นางจิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่าผลประกอบการ SEAFCO ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะต่ำกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างโครงการเอกชน ในช่วงต้นของงานไปค่อนข้างมากแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังมี Backlog ราว 2,400 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 63 และรองรับผลประกอบการปีนี้ทั้งหมดแล้ว
นอกจากนี้หากมีงานของภาครัฐที่ออกมารวดเร็วกว่าที่คาดไว้ก็จะส่งผลให้มี Upside Risk ต่อประมาณการทันที โดยคาดว่าผลประกอบการจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 62-63 โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 10% ต่อปี และมีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่ที่อยู่ระหว่างการประมูล มูลค่าราว 23,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่คาดว่ากลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) จะเซ็นสัญญาในเดือน ก.ย .นี้ มีมูลค่างานเสาเข็มราว 10,000 ล้านบาท ซึ่ง SEAFCO มีโอกาสได้รับ Subcontract งานบางส่วนจากบมจ.ช.การช่าง (CK) ที่มีประสบการณ์การทำงานร่วมกันมานาน ช่วยเพิ่มฐานงานในมือทำสถิติใหม่อีกครั้ง
บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SEAFCO รายงานกำไรไตรมาส 2/62 ที่ 102 ล้านบาท เติบโต 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการส่งมอบงานหลายโครงการในไตรมาสนี้ แต่ลดลง 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการก่อสร้างที่น้อยกว่าคาด อย่างไรก็ตาม SEAFCO ยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น ภาพอุตสาหกรรมรับเหมาสำหรับฐานรากยังสดใส โดยมีงานขนาดใหญ่รอเปิดประมูลในช่วงครึ่งปีหลังรวมมูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐที่มีมาร์จิ้นดี เช่น งานรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน งานทางด่วน เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 62 ที่ 393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% แม้งานขนาดใหญ่บางส่วน เช่น งานรถไฟฟ้าสายสีส้ม งานรถไฟฟ้าสายสีชมพู และ One Bangkok เตรียมส่งมอบในไตรมาส 3/62 แต่ Backlog ที่มีประมาณ 1,100 ล้านบาท เพียงพอที่จะหนุนรายได้ปี 62 และปี 63 โตตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 10% ได้สำเร็จ
ด้านบทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรของ SEAFCO ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 221 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% จากประมาณการทั้งปี 62 โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่เติบโตมาก จึงยังไม่มีการปรับประมาณการแต่อย่างใด ในช่วงที่เหลือของปีจะรับรู้รายได้จาก Backlog ปัจจุบันที่ 2,600 ล้านบาท งานขนาดใหญ่ เช่น ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นต้น
ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนเงินกำไรหลักปี 62-63 ยังทำสถิติสูงสุดใหม่และมีโอกาสได้งานใหม่เพิ่มอีกในช่วงที่เหลือปีนี้ หลังรัฐบาลใหม่กลับมาเร่งโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น ไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา และงานอื่น ๆ เช่น รถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพ-นครราชสีมา) ทางด่วน พระราม 3-ดาวคะนอง มอร์เตอร์เวย์ รถไฟฟ้าส่วนขยายสายสีต่างๆ เช่น ส้ม และม่วง ที่จะเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของผลประกอบการต่อไป