นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพัฒนาที่ดิน 24 ไร่บริเวณหัวมุมแยกเนินสำลี อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ติดถนนสุขุมวิทซึ่งถือเป็นพื้นที่"ไข่แดง"ของระยอง ให้กลายเป็นทั้งย่านใจกลางธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) เมืองอัจฉริยะ และไลฟ์สไตล์ฮับครบวงจร ที่ประกอบด้วยทั้งคอนโดมิเนียมที่สูงที่สุดในระยอง คอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ และเซอร์วิสออฟฟิศในพื้นที่เดียว ภายใต้ชื่อโครงการ "ออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง" (Origin Smart City Rayong) คาดว่าจะมีมูลค่าโครงการรวมไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ต่อยอดกลยุทธ์ Blue Ocean ของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในทำเลศักยภาพที่ยังมีการแข่งขันไม่สูงมากนัก
"Origin Smart City Rayong จะพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond A Living Platform ยกระดับการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่ ด้วยแพลทฟอร์มการอยู่อาศัยที่ทำให้สามารถจัดการใช้ชีวิตได้อย่างอัจฉริยะ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาอำนวยความสะดวกในหลากมิติของการใช้ชีวิต สร้างอาณาจักรมิกซ์ยูส ยกระดับพื้นที่ให้กลายเป็น New CBD ของระยอง พร้อมทั้งเป็นเมืองต้นแบบสังคมแห่งพลังงานทดแทน"นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า จากกรอบการลงทุนในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐและเอกชนระยะ 5 ปี (ปี 60-64) ทำให้พื้นที่ 3 จังหวัดใน EEC ทั้งระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีเมกะโปรเจ็คท์ด้านต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน เชื่อมโยงการคมนาคมทั้งทางบก ผ่านรถไฟความเร็วสูง ทางอากาศผ่านสนามบินอู่ตะเภา และทางน้ำผ่านท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด ส่งผลให้พื้นที่ภายใน EEC มีศักยภาพจะก้าวสู่การเป็นย่าน New CBD อีกแห่งหนึ่งของไทย
"ที่ผ่านมา เราอาจคุ้นเคยว่า CBD และ New CBD ต้องอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ด้วยการลงทุนเมกะโปรเจ็คท์โครงสร้างพื้นฐานใน EEC จะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดมหาศาล มีการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนอัตรา มีนักท่องเที่ยวเข้ามาปีละกว่า 10 ล้านคน หลายพื้นที่ใน EEC เองจึงมีศักยภาพจะก้าวสู่การเป็น New CBD ได้เช่นกัน" นายพีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ระยองถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพมากและโดดเด่นใน EEC เนื่องจากปัจจุบันมีประชากรในพื้นที่และประชากรแฝงอาศัยอยู่รวมกันมากถึงกว่า 1 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นระดับท็อปของประเทศ พนักงานบริษัทที่ย้ายจากกรุงเทพฯเข้าไปทำงาน มีเงินเดือนเฉลี่ยเริ่มต้นที่ประมาณ 50,000 บาท ภาพรวมของจังหวัดจึงถือว่ามีผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงจำนวนมาก เมื่อมีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ EEC อย่างต่อเนื่อง จะยิ่งเพิ่มทั้งความต้องการที่อยู่อาศัยและแหล่งไลฟ์สไตล์คุณภาพในพื้นที่
ด้านนายอรุช ช่างทอง กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจใน EEC ของ ORI กล่าวว่า คอนเซ็ปต์ Beyond A Living Platform ของ Origin Smart City Rayong ประกอบด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.Smart Tech นำเรื่อง Internet of Thing มา "ทรานส์ฟอร์ม" ชีวิต สู่การอยู่อาศัยแห่งอนาคต ทั้งเรื่อง Home Automation ให้สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ภายในที่อยู่อาศัยด้วยปลายนิ้วสัมผัส หรือ Intelligent Facility พื้นที่ส่วนกลางอัจฉริยะ เช่น ระบบ Smart Security, VR Fitness, Smart Locker, Smart Screen (กระจกอัจฉริยะ)
2.Smart Eco ใส่ใจระบบการจัดการพลังงาน (Energy Management System) สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย และเกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ Solar Cell นำพลังงานสะอาดอย่างพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์มาช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในพื้นที่ส่วนกลาง Smart Shelter สเตชั่นอัจฉริยะจากพลังงานแสงอาทิตย์ ติดตั้ง Smart Screen ให้เช็คค่าสภาพอากาศ พร้อมทั้งมีจุด Bike Sharing มีจุด EV Charger สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
3.Smart Community ภายในโครงการมิกซ์ยูสประกอบด้วยพื้นที่สำหรับคอมมูนิตี้ พร้อมมอบบริการครบวงจร เหมาะกับการเป็นไลฟ์สไตล์ฮับของพื้นที่ พร้อมผลักดันให้เกิดอีโคซิสเท็มในรูปแบบ Cashless Society โดยจะมีบริการต่างๆ ให้สามารถจ่ายได้ผ่าน e-Payment และ QR Code Payment
"ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการพัฒนาโครงการออริจิ้น ซิตี้ แหลมฉบัง-ศรีราชา ให้เป็นแลนด์มาร์คใหม่ใน จ.ชลบุรี และกลายเป็นอีกหนึ่งโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC จึงมั่นใจว่า Origin Smart City Rayong ภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond A Living Platform จะได้รับการตอบรับที่ดี และกลายเป็นเมืองอัจฉริยะที่ยกระดับการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่"นายอรุช กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างจัดทำโรดแมพการพัฒนาโครงการ Origin Smart City Rayong ให้สมบูรณ์ โดยคาดว่าจะจัดทำแล้วเสร็จ และสามารถเปิดเผยแผนการพัฒนาพื้นที่ในเฟสแรกได้ใน เดือน ก.ย.นี้