นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเอสพีพี ระบบ โคเจนเนอเรชั่นของ บริษัท นวนครการไฟฟ้า จำกัด (NNE) ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความมั่นคงกระแสเงินสดและรายได้ของบริษัทยิ่งขึ้น เพราะเป็นโครงการที่เดินเครื่องจำหน่ายกระแสไฟฟ้า (COD) แล้ว และยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีระยะเวลาคงเหลือเกือบ 20 ปี โดยคาดว่าดีลการซื้อกิจการจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกันยายนนี้ และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 3/62
"โครงการนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้ทันที โดยกระแสไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์จำหน่ายแก่กฟผ. ส่วนกระแสไฟฟ้าที่เหลือ พร้อมทั้งไอน้ำ จะผลิตและจำหน่ายแก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งบริษัทมีแผนจะขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมให้มากขึ้น อีกทั้งยังมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย สำหรับเงินลงทุนบริษัทได้จัดสรรเงินทุนและจัดหาเงินกู้สัดส่วน 35 ต่อ 65 เพื่อซื้อโครงการดังกล่าวและคาดว่าดีลจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกันยายนศกนี้"นายกิจจา กล่าว
นายกิจจา กล่าวว่า ความสำเร็จในการซื้อกิจการโรงไฟฟ้านวนครครั้งนี้ ส่งผลให้กำลังผลิตที่ COD แล้วตามสัดส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 7,047.54 เมกะวัตต์ โดยกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนที่เหลือจากการจำหน่ายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. และไอน้ำที่ผลิตได้จะถูกขายให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำกำลังเติบโต เป็นการช่วยเสริมให้ระบบพลังงานในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนครมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
RATCH ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ รวม 99.97% ของบริษัท นวนครการไฟฟ้า จำกัด เป็นเงินจำนวน 1,998.40 ล้านบาท ส่งผลให้ราช กรุ๊ป เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และได้รับสิทธิในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าเอสพีพีดังกล่าว และคาดว่าราช กรุ๊ป จะเข้าไปดำเนินการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าแห่งนี้อย่างเป็นทางการได้ในเดือนตุลาคม
โรงไฟฟ้าเอสพีพี ระบบ โคเจนเนอเรชั่นของ บริษัท นวนครการไฟฟ้า จำกัด มูลค่าโครงการรวม 5,726.68 ล้านบาท มีกำลังผลิตติดตั้ง 110 เมกะวัตต์ (MW) และกำลังผลิตไอน้ำ 10 ตัน ต่อชั่วโมง ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี โดยได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจำหน่ายแก่ กฟผ.ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2556