นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยถึงกรณีที่มีรายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สั่งปรับบง.ศรีสวัสดิ์ (BFIT) ปล่อยกู้เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่บริษัทประกาศว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ SAWAD และไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ SAWAD เนื่องจากเป็นการดำเนินการของบริษัทลูก ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้เกิดกับพอร์ตลูกหนี้เก่าช่วงปี 60 และปัจจุบันก็ได้มีการดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 61 และ กรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกับแผนการดำเนินงานของกลุ่มบริษัททั้งในปัจจุบันและในอนาคต
นางสาวธิดา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทได้ยึดตามหลักเกณฑ์ของธปท.โดยที่ผ่านมาหลังจากที่ทางกลุ่มศรีสวัสดิ์ฯได้เข้าไปซื้อหุ้นในบง.กรุงเทพธนาทร (ชื่อเดิม) ก็ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ทำให้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทำธุรกิจภายใต้กรอบกฎหมายทุกขั้นตอน ทำให้ไม่ได้มีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งเป้ารายได้เติบประมาณ 20-30% พร้อมทั้งเดินหน้าขยายสาขาให้คลอบคลุมทุกพื้นที่ ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้นประมาณ 3,400-3,500 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้พอร์ตลูกหนี้มีอัตราการเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้จากช่วงสิ้นสุดไตรมาส 2/62 พอร์ตลูกหนี้มีมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เอกสารเผยแพร่ของ ธปท.ระบุว่าได้มีคำสั่งเปรียบเทียบที่ 7/2562 กล่าวโทษ บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) จากการปฏิบัติฝ่าฝืนหลักเกณฑ์การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct) เป็นจำนวน 1,655,000 บาท เนื่องจากมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด กล่าวคือ บริษัทได้เรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าบริการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเกินกว่าเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่บริษัทประกาศไว้ อันเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนประกาศ ธปท.ที่ สนส. 81/2551 ลงวันที่ 3 ส.ค.51 เป็นความผิดตามมาตรา 46 ต้องระวางโทษตามมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ดำเนินการคืนเงินส่วนที่เรียกเก็บเกินให้ลูกค้าส่วนใหญ่แล้ว ยกเว้นเพียงบางรายที่ยังไม่สามารถติดต่อได้