ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,631.91 จุด ลดลง 6.33 จุด (-0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 37,284.65 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,638.03 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,627.30 จุด
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้านี้เปิดเทรดมาปรับตัวลงมาก คาดว่าจะเป็นผลจากเรื่องกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์และพันธมิตรถูกตัดสิทธิจากการประมูลโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา ทำให้เกิดความวิตกว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินอาจจะถูกเลื่อนออกไป ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มโรงแรม และกลุ่มแบงก์ถูกเทขายออกมา แต่ต่อมาดัชนีฯเริ่มลดช่วงลบได้บ้าง หลังจากมีแรงซื้อกลับกลุ่มแบงก์ที่เริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทำให้ NIM น่าจะกลับมาดีขึ้นหลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปแล้ว
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงเลือกเล่นหุ้นจำพวก Defensive เป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์จากภายนอกประเทศยังไม่แน่นอน อย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนก็ยังไม่แน่นอน และยังต้องรอดูตัวเลข PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนและสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราให้รอดูการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่จะหารือเกี่ยวกับการผลักดันการลงทุน แม้ว่าตัวเลขการส่งออกจะดีกว่าที่ตลาดคาด และตัวเลข GDP ของไทยน่าจะดีขึ้นได้หลังจากที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้ว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายศราวุธ กล่าวว่า ตลาดฯคงยังติดลบต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,507.40 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,237.63 ล้านบาท ปิดที่ 42.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,122.10 ล้านบาท ปิดที่ 85.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 977.52 ล้านบาท ปิดที่ 229.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 947.59 ล้านบาท ปิดที่ 120.50 บาท ลดลง 1.50 บาท