BANPU คาดผลงาน H2/62 โตกว่า H1/62 ตามราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น-ดีมานด์เพิ่ม-ซัพพลายลด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 22, 2019 18:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะปรับตัวดีกว่าครึ่งปีแรก จากทิศทางราคาถ่านหินที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาส 2/62 ที่ปรับลดลงไปเหลือเฉลี่ย 67 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน คาดการณ์ดัชนีราคาถ่านหิน New Castle ประเมินราคาปีนี้จะอยู่ที่ 75 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นราว 3% โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่น และซัพพลายที่น่าจะลดลงจากปัจจัยภายนอกประเทศน่าจะผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะสงครามการค้าสหรัฐและจีน เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกให้ปรับตัวดีขึ้น และส่งผลต่อเนื่องมายังการใช้พลังงานไฟฟ้าให้ปรับดีขึ้นตามไปด้วย

บริษัทยังคงเป้าปริมาณการขายถ่ายหินทั้งปี 62 ไว้ที่ 47.3 ล้านตัน หลังจากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 22 ล้านตัน โดยคาดว่าผลผลิตถ่านหินจากออสเตรเลียจะมียอดจำหน่ายสูงขึ้นตามเป้าหมายที่ 12.70 ล้านตัน ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินซานซีลู่กวง (SLG) ในประเทศจีน กำลังการผลิตรวม 1,320 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 30% ปัจจุบันมีความพร้อมจะผลิตและจำหน่าย (COD) แล้ว แต่อยู่ระหว่างรอการก่อสร้างสายส่งจากทางการจีน คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในเดือน ต.ค.63

ส่วนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้จะมีการ COD เข้ามาเพิ่มอีก 19 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามที่บริษัทเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 35% ในซันซีป กรุ๊ป (Sunseap Group Pte. Ltd.) ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 168 เมกะวัตต์ ก็มีแผนจะพัฒนาเพิ่มเติมอีก 400 เมกะวัตต์ รวมถึงจะรับรู้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จีซิน ประเทศจีน เข้ามาเพิ่มอีก 25 เมกะวัตต์ ส่งผลทำให้ประเทศจีนโดยรวมจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD 175 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้

ขณะที่ บมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เตรียมจะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 80-90 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์เพื่อทำโปรเจ็คต์ไฟแนนซ์

ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายที่จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือ 4,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 68 จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือแล้ว 2,893 เมกะวัตต์ ซึ่งน่าจะทำได้เร็วกว่าเป้าหมาย เพราะปัจจุบัน COD แล้ว 2,200 เมกะวัตต์

ด้านธุรกิจแหล่งก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันอยู่ระหว่างมองหาโอกาสเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเห็นความชัดเจนได้ โดยยังคงงบการลงทุนไว้ที่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าลงทุนธุรกิจก๊าซฯในสหรัฐ ไปแล้ว 522 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน 5 แหล่ง กำลังการผลิต 250 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปี 63

ส่วนธุรกิจ Energy Technology ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ปัจจุบันมีการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาในประเทศไทย คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 9.6 เมกะวัตต์ คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 25 เมกะวัตต์ ส่วนในต่างประเทศที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 35% ปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 150 เมกะวัตต์ คาดว่าจะขยับขึ้นไป 175 เมกะวัตต์ได้

ด้านแบตเตอร์รี่ดูร่าเพาเวอร์ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 300 กิโลวัตต์/ชั่วโมง จากเดิม 80 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ขณะที่รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าที่ให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น มูฟมี่ ปัจจุบันมีจุดให้บริการทั้งสิ้น 2 จุด และในปี 63 คาดว่าจะมีรถตุ๊ก ตุ๊ก ให้บริการเพิ่มเป็น 100 คัน จากปัจจุบัน 10 คัน

นางสมฤดี กล่าวว่า สำหรับราคาหุ้น BANPU ที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา มองว่าเป็นไปในสองปัจจัยหลัก คือ การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และความผันผวนของราคาถ่านหิน เนื่องจากเป็นช่วงของฤดูกาล (Seasonal) ทำให้ราคาถ่านหินตกลง 4 เหรียญสหรัฐ/ ตัน และยังมีประเด็นจากสงครามการค้าฯ ความขัดแย้งของประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ส่งผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลก ทำให้การใช้ไฟฟ้าปรับตัวลง

อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยระยะสั้น อยากให้นักลงทุนมองในระยะกลางและยาวมากกว่า โดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง และยังคงจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้งตามเดิม ขณะที่แผนดำเนินธุรกิจในระยะยาวยังไม่เปลี่ยน โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 68 จะมาจากธุรกิจถ่านหิน 40% จากเดิม 65%, ธุรกิจพลังงานหมนุเวียน (Renewable) จะเพิ่มเป็น 30% จากเดิม 10%, ธุรกิจ GAS จะเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบัน 10-12% และธุรกิจ Energy Technology เพิ่มเป็น 10%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ