EGCOเผยปี 50 กำไรสุทธิเพิ่ม 40%จาก 3 โรงแก่งคอย 2-BLPC-อมตะเพาเวอร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 19, 2008 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของกลุ่ม EGCO ของปี 2550  มีจำนวนทั้งสิ้น 8,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,386 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 สาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น 5,134 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกิจการร่วมค้าบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด(บีแอลซีพี)  , กิจการร่วมค้าบริษัท กัลฟ์ เพาเวอร์ เจเนอเรชั่น จำกัด(จีพีจี) ซึ่งดำเนินโครงการแก่งคอย 2  และ บริษัท  กัลฟ์อิเล็คตริก จำกัด (มหาชน) หรือ จีอีซี  
โดยในปี 2550 บริษัทเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจาก บีแอลซีพี กำลังการผลิต 1,434 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนร้อยละ 50 ตั้งแต่ มกราคม 2550 เป็นต้นไป , โครงการขยายกำลังผลิตที่ อมตะ เพาเวอร์ บางปะกง (เอพีบีพี) กำลังการผลิต 55 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชนิดพลังงานความร้อนร่วม ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ แล้วเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2550
และโครงการแก่งคอย 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชนิดพลังความร้อนร่วมของจีพีจี ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงที่ 1 กำลังผลิต
734 เมกะวัตต์ เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2550
สำหรับกำไรขั้นต้นมีจำนวนเท่ากับ 5,229 ล้านบาท ลดลง 2,795 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 35 สาเหตุหลักจากรายได้ค่าไฟฟ้าของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด (บฟร.) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด(บฟข.) ที่ลดลงจากอัตราค่าไฟ ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 4,938 ล้านบาท ลดลง 3,624 ล้านบาท หรือร้อยละ 42 โดยปัจจัยหลักของการลดลงของกำไรขั้นต้น และกำไรจากการดำเนินงาน คือการลดลงของรายได้ค่าไฟฟ้า กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และดอกเบี้ยรับของ EGCO และบริษัทย่อย
ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทและบริษัทย่อย จำนวน 121 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2549 ซึ่ง กลุ่มมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 716 ล้านบาท ทั้งนี้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจำนวน 70 ล้านบาทเป็นตัวเลขทางบัญชี เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีไทยซึ่งเกิดขึ้นจากผลต่างของการแปลงมูลค่าหนี้คงค้างสุทธิเฉพาะที่เป็นเงินตราสกุลต่างประเทศกลับมาเป็นเงินตราสกุลบาท ณ วันสิ้นสุดงวดของบัญชีปัจจุบัน (วันที่ 31 ธันวาคม 2550) กับงวดก่อนหน้านี้ (วันที่ 31 ธันวาคม 2549)
*ปรับกลยุทธ์ลงทุนโรงไฟฟ้าในตปท.
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ EGCO ได้ปรับกลยุทธ์ในการขยายการลงทุนไปยังโรงไฟฟ้าต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่มีการขายไฟกลับเข้ามายังประเทศไทย เช่น โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศลาว พม่า และกัมพูชา ตลอดจนลงทุน
โครงการอื่น ๆ ภายในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิง และพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานขยะ และพลังงานชีวมวล
ทั้งนี้ บริษัทจะเป็นบริษัทไทยชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าครบวงจรและครอบคลุมถึงธุรกิจการให้บริการด้านพลังงานทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
EGCO เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระเอกชนซึ่งมีกำลังผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมจำนวน 3,509 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และเล็กรวมทั้งสิ้น 14 โรง
นอกจากนี้ บริษัทกำลังพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าอีก 2 โครงการ ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งในส่วนการถือหุ้นของ EGCO จำนวนรวม 635 เมกะวัตต์ ได้แก่
โครงการแก่งคอย 2 โรงที่ 2 กำลังผลิต 734 เมกะวัตต์ โครงการนี้มีกำหนด เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 มีนาคม 2551 ขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้าง โครงการแล้วเสร็จไปประมาณร้อยละ 99.5 และ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2551 กฟผ. ได้อนุมัติการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 โรงที่ 2 ก่อนวันเดินเครื่องเชิงพาณิชย์จริง เมื่อ จีพีจี ได้ดำเนินการทดสอบโรงไฟฟ้าแล้วเสร็จ
และ โครงการน้ำเทิน 2 (EGCO ถือหุ้นร้อยละ 25 ในเอ็นทีพีซี ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ) ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกำลังผลิต 1,070 เมกะวัตต์ และกำหนดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเดือนธันวาคม ปี 2552 โดยมีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. จำนวน 995 เมกะวัตต์ และขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือให้กับรัฐบาลลาว ความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการ ณ สิ้นปี 2550 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 78

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ