นายกิตติพงศ์ กิตติภัสสร รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น (TWZ) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าทำตลาดสมาร์ทโฟนต่อเนื่อง แม้ภาพรวมกำลังซื้อยังไม่แข็งแกร่งหลังในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาความต้องการมือถือลดลงถึง 30% ขณะที่อัตราการเปลี่ยนมือถือใช้เวลายาวนานขึ้น แต่มั่นใจยอดขายอุปกรณ์สื่อสารแบรนด์ TWZ ยังครองใจผู้บริโภคที่ไม่สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนโกลบอลแบรนด์ได้ โดยล่าสุดเปิดตัวสินค้ากลุ่ม Series T 3 รุ่นที่มีฟังก์ชันใช้งานครบ เน้นดีไซน์สวย ราคาเริ่มต้นที่ 1,690 บาท ขณะที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ TWZ ยังคงเน้นลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัด และไม่สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนระดับโกลบอลแบรนด์ได้
ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเทเลคอมมีแนวโน้มชะลอตัวมาตลอด เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอลง ทำให้ปริมาณความต้องการโทรศัพท์มือถือในประเทศ จากเดิมมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 1.2 ล้านเครื่องต่อเดือน หรือ 14.4 ล้านเครื่องต่อปี ลดลงถึง 30% ประกอบกับค่าเฉลี่ยราคาเครื่องสมาร์ทโฟน จากเดิมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7,200-9,900 บาท แต่ปัจจุบันราคาเฉลี่ยของเครื่องสูงขึ้นมาอยู่ที่ 8,500-12,000 บาท และค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ จากเดิมใช้งาน 8-12 เดือนก็เริ่มมองหาโทรศัพท์เครื่องใหม่ ปัจจุบันเริ่มใช้ยาวขึ้นเป็น 12-18 เดือน ซึ่งปัจจัยหลักน่าจะมาจากที่เครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีคุณภาพที่ดีขึ้น สามารถใช้งานครอบคลุมความต้องการ ขณะที่เทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนอยู่ในภาวะทรงตัว
"สภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกที่มีการชะลอตัว ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชะลอตัวตามไปด้วย แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่ก็เชื่อว่า การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคยังคงใช้หลักความระมัดระวังสูง ดังนั้น เป้าหมายการขายของ TWZ ในช่วงนี้จึงเน้นรักษายอดขายให้อยู่ในระดับทรงตัว"นายกิตติพงศ์ กล่าว
นายกิตติพงศ์ กล่าวด้วยว่า ตลาดสมาร์ทโฟนจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากมีการพัฒนาระบบเครือข่าย 5G ที่จะเกิดขึ้นในปี 63 และการใช้ e-sim ในสินค้าต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 64 ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ TWZ จึงจะยังคงพัฒนาสมาร์ทโฟน เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูล และใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยมีกำลังซื้อเครื่องเฉลี่ย 2,500-4,000 บาท เพื่อรองรับเทคโนโลยี 4G ทั้ง 2 ซิม ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าจำนวนมากของประเทศไทย
ขณะเดียวกัน บริษัทยังใช้กลยุทธ์การทำตลาดด้วยการขยายพันธมิตร จากปัจจุบันที่มีผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำอย่าง "เอไอเอส" เป็นพันธมิตรหลัก ได้ขยายความร่วมมือไปยังรายอื่น ๆ โดยเฉพาะผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เสริมหลากหลายแบรนด์ อาทิ Belkin, Avery และล่าสุดคือ Bull Armors โดยบริษัทจะเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าของทั้ง 3 แบรนด์ตามช่องทางการจัดจำหน่ายต่าง ๆ ของ TWZ
"จุดเริ่มต้นในการขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เนื่องจากที่ผ่านมา TWZ มีช่องทางจำหน่ายสินค้าหลายช่องทาง ทำให้เรามีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น เราจึงพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด ด้วยการนำเสนอสินค้าที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าโดยตรงจากทางผู้ผลิต หรือซื้อผ่านช่องทางผู้จัดจำหน่ายในประเทศ เช่น เราได้นำสินค้าของ Belkin เข้ามาจำหน่าย ซึ่งทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก มีชื่อเสียงมานาน ลูกค้าให้การยอมรับในเรื่องคุณภาพ ทำให้สินค้าภายใต้การจัดจำหน่ายของ TWZ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้มากขึ้น" นายกิตติพงศ์กล่าว