นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดงาน"Thailand Focus 2019: Embracing Opportunities - The Next Chapter" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม 2562 ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกร่วมงาน 127 ราย มูลค่าสินทรัพย์รวม (AUM) สูงถึง 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ลงทุนสถาบันภายในประเทศจำนวน 203 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดทุนไทยมีความโดดเด่นด้วยปัจจัยพื้นฐานของประเทศและบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยเอื้อหนุนให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นและสนใจลงทุนในประเทศไทยต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีเอกอัคราชฑูตประจำประเทศไทยจาก 13 ประเทศ เข้าร่วมรับฟังข้อมูล โดยมีผู้บริหาร บจ. ให้ข้อมูล 106 บริษัท มีการประชุมทั้งรูปแบบ one-on-one และ group presentation รวมทั้งสิ้น 2,112 ครั้ง
งาน Thailand Focus 2019 ปีนี้ ได้ฉายภาพนโยบายของภาครัฐที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจและความน่าสนใจของตลาดทุนจากความเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศ CLMV และ ASEAN EEC และการพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคต รวมทั้งโอกาสการค้าและการท่องเที่ยวที่เป็นจุดแข็งของไทย โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2562 มูลค่าการถือครองหุ้นของผู้ลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.15 ล้านล้านบาท หรือ คิดเป็น 30% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด สะท้อนให้เห็นว่าผู้ลงทุนต่างชาติยังให้น้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะยาว
โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และทีมคณะรัฐมนตรี ให้ข้อมูลนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในด้านการบริโภค การลงทุนของภาครัฐ การดึงผู้ลงทุนจากต่างประเทศ และส่งเสริมการส่งออก นอกจากนี้ ยังได้รับข้อมูลโดยตรงจากผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าความสามารถของ บจ. ไทย ประกอบกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจลงทุนให้แก่ประเทศไทยในสายตาผู้ลงทุนทั่วโลก
นายภากร กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ ได้นำเสนอจุดเด่นของประเทศไทย และตลาดทุนไทยภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไปภายหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสถาบันได้รับฟังนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากผู้นำภาครัฐโดยตรง ชูประเด็นขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย การปลดล็อกมาตรการต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การวางโครงสร้างพื้นฐานสู่ยุคดิจิทัล ตลอดจนการเชื่อมโยงและโอกาสการลงทุนสำหรับภูมิภาคโดยเฉพาะ CLMV และ ASEAN ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ยุโรป สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และอินเดีย เป็นต้น
"แม้ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก และมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจ และบริษัทจดทะเบียนไทยมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและขยายการลงทุนไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาครัฐได้เดินหน้านโยบายเศรษฐกิจด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในด้านการลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยงาน "Thailand Focus" ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร. อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับทิศทางและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงนโยบายทางการเงินและการคลังที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก"นายภากร กล่าว
ขณะเดียวกัน ตลท.มีแนวทางในการช่วยพัฒนาในการหาจุดเชื่อมต่อให้กับบริษัทจดทะเบียนไทยไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่าการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่เพียงเฉพาะการระดมทุนเพื่อใช้ลงทุนในประเทศไทยเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการระดมทุนเพื่อใช้ในต่างประเทศด้วย ทั้งการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้ ตลท.ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพธุรกิจ Start up และ SME ซึ่งเป็นจุดที่จะสามารถทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต จะเห็นว่าปัจจุบันบริษัทเล็ก ๆ เริ่มเข้ามาใช้ตลาดทุนในการหาแหล่งทุน ซึ่งถือว่าเป็นจุดใหม่ที่ทำให้ตลาดทุนมีบทบาทเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น
นายภากร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันตลาดทุนไทยมีจุดแข็งทั้งความลึกและความกว้างทำให้สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงและความผันผวนภายนอกได้ โดยมีความแข็งแรงทั้งภาคการเงิน สภาพคล่อง ความหลากหลายของบริษัทจดทะเบียน และภาครัฐมีนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
"ในอนาคตความผันผวนจะไม่เป็นเรื่องแปลก จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราในทุกวัน เพราะว่าโลกมีการเชื่อมต่อกันโดยตลอด เพราะฉะนั้นการอยู่ได้จากการเปลี่ยนแปลงจะเป็นจุดแข็งของตลาดทุนในแต่ละประเทศ" นายภากร กล่าว