นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยว่า บริษัทวางยุทธศาสตร์ แผนขยายการลงทุนในครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่ากว่า 12,500 ล้านบาท ทั้งแบบคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ ไฮไรส์ และทาวน์โฮม โดยล่าสุดเตรียมเปิดโครงการ The Vision Ladprao-Nawamin Phase II คาดจะเปิดขายในช่วงวันที่ 31 ส.ค.นี้
ในขณะที่โครงการ The Excel Ladprao - Sutthisan ที่เปิดตัวไปช่วงต้นเดือน ส.ค.62 สามารถสร้างยอดขายกว่า 850 ล้านบาทในวันแรกที่เปิดขาย หรือคิดเป็นกว่า 70% ของมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าทุกๆ โครงการที่เตรียมจะเปิดตัวในเร็วๆ ก็คงจะได้ผลตอบรับที่ดีแบบนี้เช่นเดียวกัน
บริษัทมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว - นวมินทร์ (The Vision Ladprao - Nawamin) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท, 2.โครงการ อิมเพรสชั่น ภูเก็ต (Impression Phuket) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และ 3.โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 (The Excel Hideaway Sukhumvit 71) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท
บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ปี 62 ยังคงเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ในระดับ 4,500 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นเดือน มิ.ย.62 มีมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 - 4 ปีข้างหน้า แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 5,520 ล้านบาท คอนโดมิเนียมไฮไรส์ 2,240 ล้านบาท และทาวน์โฮม 240 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าสร้างแล้วเสร็จที่พร้อมขายและโอนกรรมสิทธิ์ (Inventory) มูลค่ารวมประมาณ 201 ล้านบาท จากโครงการ The Excel Khukot และ Rise Rama 9
บริษัทยังมีแผนขยายฐานไปยังต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติว่า ในวันนี้เปิดตัวทีมบริหาร การตลาดและงานขายในต่างประเทศ ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) โดยจะเข้าไปขยายฐานในการดำเนินธุรกิจ ในรูปแบบการเปิดสำนักงานขาย ในเซี่ยงไฮ้ และไทเป ถือเป็นการเปิดโอกาสขยายฐานกลุ่มลูกค้าชาวจีนอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
นายธนากร กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าว่า Thai D จะมียอดขายราว 25,000 ล้านบาทในช่วง 5 ปีจากนี้ (ปี 63-67) โดยจะมียอดขายเฉลี่ย 5,000 ล้านบาทต่อปี โดยเน้นตลาดจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย สหรัฐ ตะวันออกกลาง และฮ่องกง โดยหลังจากที่ฮ่องกงเกิดปัญหาการประท้วงก็เริ่มมีชาวจีนเข้ามาติดต่อมากขึ้น และมีลูกค้าจากประเทศอื่นเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าในการเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้า เดอะ นิว ฟอรั่ม พลาซ่า (The New Forum Plaza ) จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ 11-3-74 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่ Gross Building Area รวม 34,952 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่า (Gross Leasable Area) 11,593 ตารางเมตร โดยมีอายุสัญญาเช่า 29 ปี มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแตกไลน์ทางธุรกิจจากอสังหาริมทรัพย์ไปยัง Shopping Mall ว่า ขณะนี้ได้มีการก่อสร้างไปตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค.62 คาดกว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 63 และจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีหลัง 63
บริษัทคาดว่าโครงการ The New Forum Plaza จะสร้างรายได้รวมเดือนละกว่า 10 ล้านบาท และหลังจากเปิดบริการเต็มปีในปี 64 จะส่งผลให้มีรายได้เฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว เข้ามา 5,800 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญาเช่า ซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่า 90% และอื่นๆ อีก 10%
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มองหาซื้อโครงการที่มียูนิตเหลือขายไม่หมด และเลือกซื้อยูนิตที่มีศักยภาพเพื่อนำมาขายต่อ โดยปัจจุบันบริษัทเจรจากับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งคาดว่าในช่วงต้นปี 63 จะสามารถสรุปได้
"ปัจจุบันเราเหลือยูนิดพร้อมขายในเมือเพียง 130 ยูนิต ซึ่งการที่บริษทจะเคิบโตต่อบริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์โดยการหาโครงการที่มีศักยภาพ แล้วเลือกซื้อยูนิตที่ดีนำมาตกแต่งก่อนจะขายต่อ ทั้งช่องทางการขายในประเทศ และช่อฃทางการขายต่างประเทศ เราเชื่อมั่นว่าเรามีศักยภาพในการขายสินค้าที่ดี ซึ่งอนาคตเราก็จะทำหน้าที่ในการเป็นนายหน้าการขายอสังหาริมทรัพย์ด้วย" นายธนากร กล่าว
นายธนากร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนรายได้จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 70% รายได้ประจำ 20% และรายได้จากการให้บรการ และนายหน้าซื้อขายอสังหาริมททรัพย์ราว 10% ภายในระยะเวลา 3 ปี (63-65) จากปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากคอนโดมิเนียม 75% และโครงการแนวราบ 25%