นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงได้เล็กน้อย คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ติดลบเล็กน้อยราว 0.1-0.4% โดยยังรับแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็มองว่าการปรับตัวลงของตลาดฯน่าจะมี Downside จำกัดหลังจากที่ดัชนีฯลงมาใกล้ระดับ 1,600 จุด เนื่องจากหุ้นหลายตัวที่ปรับตัวลงมาก็เริ่มมี Valuation ที่น่าสนใจ
อย่างหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น ที่ปรับตัวลงมาตอบรับผลกระทบไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่มองในครึ่งปีหลัง น่าจะดีขึ้นได้จากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี ยังต้องรอดูความคืบหน้าของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งก็ยังมองว่าที่สุดแล้วนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ น่าจะยอมถอยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อีกทั้งยังมองบรรยากาศการลงทุนในเดือนกันยายนน่าจะดีขึ้น โดยให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,610-1,625 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,036.10 จุด พุ่งขึ้น 258.20 จุด (+1.00%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,887.94 จุด เพิ่มขึ้น 18.78 จุด (+0.65%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,856.88 จุด เพิ่มขึ้น 29.94 จุด (+0.38%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 21.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.46 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.24 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.86 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 9.15 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 3.76 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.24 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.54 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ส.ค.62) 1,616.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.46 จุด (+0.09%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,162.68 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ส.ค.62) ปิดที่ 55.78 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ส.ค.) อยู่ที่ 5.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.62 แนวโน้มทรงตัว ตลาดยังรอความชัดเจนจากปัญหาสงครามการค้า-Brexit
- บอร์ด กนง.มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังไกลภาวะถดถอย "สมชัย" ยอมรับห่วงดอกเบี้ยต่ำนาน สะสมความเสี่ยง หวั่นไม่ระวังอาจเกิดวิกฤติคล้ายต้มยำกุ้งได้ ย้ำนโยบายการเงินยึดตามข้อมูลเศรษฐกิจ ด้าน "คณิศ" ชี้ "จีดีพี" ไทยในระดับ 3% ถือว่าไม่เลว ขณะนักวิเคราะห์ประเมินเงินบาทส่อแข็งต่อเนื่อง มองดอกเบี้ยไทยปีหน้า มีโอกาสลงแตะ 1%
- ตลาดหลักทรัพย์ โวนักลงทุนไทย-เทศ แห่ร่วมงานไทยแลนด์โฟกัสคึกคัก เผยกองทุนนอกตอบรับกว่า 127 แห่ง รวม "เอยูเอ็ม" กว่า 2.6 ล้านล้านดอลล์ ด้าน โบรกฯ เชื่อโอกาสดึงทุนนอกไหลเข้าน้อย เหตุภาวะเศรษฐกิจโลกกดดัน แต่ยอมรับเป็นโอกาสดีของรัฐบาลที่ได้ชี้แจงนโยบายต่อนักลงทุนต่างประเทศ
- 'อุตตม' เชื่อปีนี้เศรษฐกิจยังเติบโตได้มาตรการกระตุ้นจะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและรวดเร็ว ยันทุกอย่างที่ออกมามีเป้าหมายชัด ทำให้เกิดสภาพคล่องหมุนเวียน แม้จะเป็นรัฐบาลผสมกว่า 19 พรรค แต่มีความตั้งใจจะเดินหน้าพัฒนาประเทศตามแผนยุทธศาสตร์
- นายพิศิษฐ์ เสรีวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ กล่าวในงานสัมมนา "พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ก้าวสู่สากล" ว่า คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6% สูงกว่าเศรษฐกิจโลก ขณะที่กำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นอีก 30% ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรหันมาให้ความสำคัญและผลักดันธุรกิจไทยไปเติบโตที่ประเทศในแถบ CLMV มากขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- TOP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 80 บาท ได้ Sentiment บวกจากค่าการกลั่นที่เริ่มฟื้นตัวล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ 5$/bbl สูงขึ้นจากช่วง 1 เดือนก่อนหน้าที่ลดลงไปที่ระดับ 3-4$/bbl นอกจากนี้ในช่วงปีหน้าจะได้ประโยชน์จากมาตรการของ IMO ซึ่งกำหนดให้กองเรือลดการใช้น้ำมันเตาซึ่งมีกำมะถันและซัลเฟอร์สูง คาดว่าจะหนุนให้กองเรือหันมาใช้น้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำแทนน้ำมันเตาเพิ่มมากขึ้นเป็นบวกต่อ TOP
- JWD (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท หลังจากเติบโตดีมากใน H1/62 แล้ว (กำไรสุทธิ 189 ล้านบาท +87% Y-Y) จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทที่เข้าไปลงทุนในช่วง 2 ปีก่อนหน้า แนวโน้ม H2/62 ยิ่งสดใสเพราะเป็น High season ของธุรกิจโลจิสติกส์ อาหาร ห้องเย็น และการขายที่ดินในนิคมฯพนมเปญ (ได้อานิสงส์จากการย้ายฐานของนักลงทุนจีน) ด้านกำไรสุทธิ H1/62 คิดเป็น 46% ของกำไรทั้งปีที่คาด 370 ล้านบาท +47% Y-Y และคาดโตต่อเนื่อง 20% Y-Y ในปีหน้า