นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลานนารีซอร์สเซส (LANNA) คาดว่ายอดขายถ่านหินในไตรมาส 3/62 จะปรับตัวลดลง เนื่องจากอินเดียชะลอการนำเข้าถ่านหิน เพราะเป็นหน้ามรสุม ส่วนจีน ก็มีโควตานำเข้าถ่านหินเต็มแล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่าในไตรมาส 4/62 จะกลับมาฟื้นตัว เพราะเข้าฤดูหนาว และใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่จะมีความต้องการใช้ถ่านหินมากขึ้น
อย่างไรก็ดี แนวโน้มกำไรในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้น่าจะปรับลดลง เพราะต้องตั้งสำรองสูง ทำให้ทั้งปีนี้ คาดว่ารายได้และกำไรจะปรับตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินปรับตัวลง
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มราคาถ่านหินยังปรับตัวลงต่อเนื่องในไตรมาส 3/62 เพราะซัพพลายออกมามากกว่าดีมานด์กระทบต่อราคา แต่เชื่อว่าราคาจะไม่ปรับตัวลงหลุดระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยขณะนี้ราคาเคลื่อนไหวที่ 62-63 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทั้งนี้ ราคาถ่านหินที่ปรับตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาราว 8% ก็กระทบต่อรายได้ของบริษัทด้วย เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าไปที่ 30 บาท/ดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 30.50 บาท/ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาเฉลี่ยถ่านหินในปี 62 อยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐ/ตัน และในปี 63 แนวโน้มราคาน่าจะดีขึ้น โดยคาดราคาเฉลี่ยที่ 75 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพราะคาดว่าซัพพลายจะหายไป จากปีนี้ที่ราคาตลาดปรับตัวลงมา
สำหรับปี 62 บริษัทตั้งเป้ายอดผลิตและขายถ่านหินไว้ที่ 5.5 -6.0 ล้านตัน จากปีก่อนยอดผลิตและขายถ่านหินอยู่ที่ 6 ล้านตัน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขาย 3.1 ล้านตัน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 3.45 ล้านตัน
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจถ่านหินที่อ่อนแอ ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์หารายได้อื่นเข้ามาทดแทนรายได้และกำไรจากธุรกิจถ่านหินที่ลดลงไป โดยได้เล็งเห็นเข้าไปธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่เป็นพลังงานทดแทนที่มีแนวโน้มจะมาแทนที่ ซึ่งบริษัทมองว่าน่าจะเป็นผู้ซัพพลายวัตถุดิบให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวล ในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่มีแผนขยายโรงไฟฟ้าชีวมวล
บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการที่ผลิตไม้ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงป้อนให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ทางภาคใต้ มีกำลังการผลิต 6 หมื่นตันต่อปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ส.ค.นี้ และกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนโรงงานแห่งที่ 2 ที่มีขนาดกำลังการผลิต 1.2 แสนตันต่อปี โดยจะล็อกผู้ซื้อที่เป็นเกาหลีใต้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ และมีการเจรจาพันธมิตรร่วมลงทุนโรงงานผลิตไม้เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวลในเวียดนาม กำลังการผลิต 1.2 แสนตันต่อปี โดยเลือกล็อกผู้ซื้อเป็นญี่ปุ่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ต.ค.นี้
นอกจากนี้ บริษัทมองหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่พลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) หรือ พลังงานลม
"ถามว่าราคา(ถ่านหิน)จะดีเหมือนเดิมไหมก็คงไม่ใช่ เพราะว่าโลกไป Renewable มันชัดเจนว่าเราฝืนโลกไม่ได้ เราก็ต้องหาอะไรที่ชดเชยกำไรที่จะน้อยลงจากถ่านหิน ถ้าพูดถึงใน long shot ไทยอะโกร ก็เป็นหนึ่งในนั้น...เราอยากเป็นผู้จัดหาซัพพลายให้โรงไฟฟ้าชีวมวล เหมือนกับถ่านหิน"นายสีหศักดิ์ กล่าว
สำหรับการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซีย กำลังการผลิต 55 เมกะวัตต์ (MW) และ กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LANNA กล่าวว่า ขณะนี้ได้ชะลอออกไป 1 ปีก่อน เพื่อรอความชัดเจนของนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการย้ายเมืองหลวงใหม่ของอินโดนีเซีย จากกรุงจาการ์ตาบนเกาะชวา มาเมืองหลวงแห่งใหม่บนภูมิภาคกาลิมันตัน บนเกาะบอร์เนียว ขณะที่บริษัทมีเหมือง SGP ตั้งอยู่บนกาลิมันตัน ซึ่งหากมีการย้ายเมืองหลวงมาในพื้นที่ดังกล่าว ก็น่าจะเป็นโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะเชื่อว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก