โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) หลังมองแนวโน้มยอดขายครึ่งหลังปี 62 เติบโตดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ประกอบกับความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตร "Pan Orion" ในเครือ Orion Group ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวระดับโลก จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขาย ส่วนยอดขายในสหรัฐอเมริกาจาก Costco คาดเริ่มรับรู้ได้ช่วงครึ่งหลังของปี
สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิครึ่งปีหลังคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับประโยชน์จากต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง 10% รับรู้เต็มไตรมาสที่ 3/62 ประกอบกับ TKN มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น และได้แรงหนุนจากยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พักเที่ยงราคาหุ้น TKN อยู่ที่ 10.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.94% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.73%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 12.00 กสิกรไทย ซื้อ 13.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 12.40
นักวิเคราะห์ฯบล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า คงประมาณการกำไรสุทธิของ TKN ปี 62 ที่ 457 ล้านบาท ทรงตัวจากปีที่แล้ว แม้ผลประกอบการครึ่งแรกของปีนี้ทำกำไรได้เพียง 180 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 39% ของประมาณการกำไรทั้งปี แต่ผลประกอบการในครึ่งหลังของปีนี้จะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก หลังอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้น จากต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง ซึ่งรับรู้เต็มไตรมาส 3/62 ขณะที่ยอดขายปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3/62 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พร้อมทั้งเห็นสัญญาณนักท่องเที่ยวจีนกลับมาดีขึ้น โดยยอดขายจากจีนคิดเป็นสัดส่วนราว 15-20% ของยอดขาย ส่วนในประเทศเชื่อว่าจะกลับมาเติบโตจากการบริโภคในประเทศฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน TKN ได้ร่วมมือกับพันธมิตร Pan Orion เข้ามาช่วยทำตลาดในจีนและเกาหลีใต้ทำให้ช่วยเข้ามาส่งเสริมยอดขายให้เป็นบวกได้จากการเพิ่ม supplier ที่ถือว่ามีความชำนาญธุรกิจขนมขบเคี้ยว ส่วนยอดขายในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้จาก Costco ในช่วงครึ่งหลังของปี
อย่างไรก็ดียังคงนำแนะนำ"ซื้อ"หุ้น TKN ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 12.40 บาท อิงค่า P/E ที่ระดับ 25.2 เท่า ซึ่งปัจจุบันมองว่าราคาปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับภาพรวมผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/62 จะกลับมาดี
บทวิเคราะห์บล.เคทีบีฯ ระบุด้วยว่า ประเมินกำไรสุทธิของ TKN ในครึ่งหลังปีนี้จะขยายตัวโดดเด่นอยู่ที่ 81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานที่ต่ำ โดยประมาณการกำไรสุทธิปีนี้มีสมมติฐานจากรายได้ตลาดในประเทศอยู่ที่ 2.38 พันล้านบาท ขยายตัว 7.3% จากปีก่อน ส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 3.51 พันล้านบาท ขยายตัว 2.1% จากปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะขยายตัวเป็น 31.3% จาก 30.5% ในปี 61 และคาดว่าจะได้รับออร์เดอร์จากตลาดสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือนตั้งแต่ไตรมาส 3/62
ด้านบทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า แนวโน้มยอดขายและอัตรากำไรสุทธิช่วงครึ่งหลังของปี 62 อยู่ในภาวะฟื้นตัว ได้ประโยชน์จาก Economies of Scales และราคาวัตถุดิบสาหร่ายปรับตัวลดลง 10% จากช่วงครึ่งปีแรก อีกทั้งอยู่ในช่วงฤดูกาลที่เสริมต่อธุรกิจ ประกอบกับมีการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจใหม่ Pan Orion ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Orion Group ในประเทศเกาหลีใต้ ผู้นำด้านขนมขบเคี้ยวและเบเกอร์รี่ หวังเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดแผนความร่วมมืออีกครั้งในเดือนก.ย.62
ขณะเดียวกัน TKN รุกเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาเจาะตลาดด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิผล ถือว่าได้เริ่มแล้วอย่างจริงจัง มีการจำหน่ายสินค้าให้กับ Costco ซึ่งเป็นเชนขายปลีกใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดสหรัฐฯถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ขนาดตลาดสแน็คราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และ TKN ตั้งเป้าว่ายอดขายปี 67 จะไปถึง 2 พันล้านบาท
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จาก "ขาย" สำหรับ TKN พร้อมกับปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 13 บาทจาก 8.60 บาท หลังจากได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 63-64 และเป้าหมาย P/E ขึ้นเป็น 27 เท่า โดยกลับมามองบวกต่อ TKN เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตที่มีนัยสำคัญสำหรับธุรกิจในต่างประเทศจากพันธมิตรใหม่อย่าง Pan Orion ที่มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายอาหารว่างที่แข็งแกร่งกระจายอยู่ 60 ประเทศ และท่าทีที่แสดงถึงพันธะอันดีด้วยการถือครองหุ้น TKN ในสัดส่วน 3.5%
ขณะเดียวกันคาดว่าอัตรากำไรจะปรับดีขึ้นอย่างมากตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 62 เป็นต้นไป สืบเนื่องจากต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง และแผนการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวด ทั้งนี้คาดว่ากำไรของ TKN จะพลิกมาเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป หลังจากที่มีกำไรหดตัวลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยแรงหนุนจากยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ปรับดีขึ้นและจากอัตรากำไรที่ขยายตัวขึ้น