นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 63 จะอยู่ที่ราว 7,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 23% จากปี 62 ที่คาดจะมีรายได้ 6,450 ล้านบาท ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,510 เมกะวัตต์ (MW) จากในสิ้นปี 62 ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,024 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ในปี 63 โครงการที่ทยอยจ่ายไฟเข้าสู่ระบบเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการโซลาร์ฟาร์มที่เวียดนาม กำลังการผลิต 275 เมกะวัตต์ และโซลาร์ฟาร์ม ที่มาเลเซีย จำนวน 75 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการพลังงานลมที่เวียดนามอีกประมาณ 130 เมกะวัตต์ รวมไปถึงจะมีโรงไฟฟ้าขยะที่จังหวัดหนองคาย 8 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่จะได้โครงการโรงไฟฟ้าอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย
นอกจากนี้ จะมีรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำประปา จำนวน 50-100 ล้านบาท จากการขายน้ำให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ และโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาคร รวมประมาณ 20,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
พร้อมกันนี้บริษัทสนใจที่จะเข้าร่วมดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งรัฐบาลมีแผนส่งเสริมหลังจะทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ปี 2561-2580 (PDP2018) ใหม่ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เจรจากับหน่วยงานที่ให้ความสนใจแล้ว แต่ก็คงต้องรอดูนโยบายที่ชัดเจนจากภาครัฐก่อน
นายจอมทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวมประมาณ 400-450 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโซลาร์ฟาร์ม 300 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 100-150 เมกะวัตต์ คาดจะเห็นความชัดเจนในปี 63
ปัจจุบัน บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เติบโตมากขึ้น โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีโซลาร์ฟาร์มอีก 1 โครงการในเวียดนาม ขนาด 50 เมกะวัตต์ จะเริ่ม COD ในเดือน ต.ค.นี้ และปลายปีนี้จะ COD โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชน ที่จังหวัดพิจิตร มีขนาดกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์
"เรายังคงมองหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานทดแทนต่อเนื่องในทุกประเภท ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี และเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย และในปีนี้จะเห็นการเพิ่มรายได้ที่มาจากโครงการโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการผลิต และสร้างรายได้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะช่วยสนับสนุนการเพิ่มรายได้มากขึ้น รวมถึงเป็นการกระจายสัดส่วนรายได้หลัก เพราะจากเดิมมีแต่รายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สัดส่วน 80-90%"นายจอมทรัพย์ กล่าว