นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า หลักทรัพย์จดทะเบียนจำนวน 679 หลักทรัพย์ หรือคิดเป็น 95.4% จากทั้งหมด 712 หลักทรัพย์ (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (NC) และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (NPG) นำส่งผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 62 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.62 พบว่าหลักทรัพย์ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 501 หลักทรัพย์ คิดเป็น 73.8% ของหลักทรัพย์จดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
โดยผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกปี 2562 หลักทรัพย์จดทะเบียนมียอดขายรวม 5,534,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน (core operating profit) 424,068 ล้านบาท ลดลง 21.5% และกำไรสุทธิ 373,170 ล้านบาท ลดลง 17.1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
ขณะที่ไตรมาส 2/62 หลักทรัพย์จดทะเบียนมียอดขายรวม 2,781,374 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.8% มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 183,974 ล้านบาท ลดลง 35.8% และกำไรสุทธิ 164,713 ล้านบาท ลดลง 20.7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
"ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปีอ่อนตัวลงมาก เนื่องจากในไตรมาสสองเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอุตสาหกรรม ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงติดตามข่าวสารเศรษฐกิจโลก และพิจารณาการลงทุนด้วยความระมัดระวัง" นายแมนพงศ์ กล่าว
ในด้านความสามารถการทำกำไรของหลักทรัพย์จดทะเบียนไทยในช่วงครึ่งปีแรก มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (core operation profit margin) อยู่ที่ 7.7% ลดลงจาก 9.9% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิ (net profit margin) อยู่ที่ 6.7% เมื่อเทียบกับ 7.9% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลกระทบนี้ทำให้หลักทรัพย์จดทะเบียนไทยมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนสูงขึ้น ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/62 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.36 เท่า จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.26 เท่า
ทั้งนี้ หมวดธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานเติบโตและมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น คือ หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์