นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปีนี้จะเติบโตราว 3% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 4% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานเติบโตราว 2.4-2.5% หรือคิดเป็นปริมาณ 16.8 ล้านลิตร/วัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 16.5 ล้านลิตร/วัน โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ให้บริการด้าการเติมน้ำมันอาศยานในท่าอากาศยาน 2 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่เป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวไทยจะมีความคึกคักขึ้น ซึ่งทำให้มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้นด้วย และแผนการส่งเสริมและผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวของภาครัฐ จะส่งผลต่อปริมาณการเติมน้ำมันอากศยานที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าครึ่งปีแรก
ส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ 4-5% จากปีก่อน จากเป้าหมายเดิมที่ 8-9% เนื่องจากธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนรายได้ถึง 80% ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการชะลอตัวของเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยว แต่บริษัทยังมีรายได้จากบริษัทลูก คือ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อในจังหวัดพิจิตรและตาก และในไตรมาส 4/62 จะเปิดให้บริการท่อขนส่งน้ำมันเส้นทางจังหวัดลำปางเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนท่อขนส่งน้ำมันเส้นทางแม่สอด-มะละแหม่ง หรือ เมาะลำไย ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อท่อขนส่งน้ำมันเข้าไปในประเทศเมียนมา ซึ่งสอดคล้องกับแผนพลังงานของไทยที่ต้องการให้ไทยในการเป็นศูนย์กลางพลังงานอาเซียน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเก็บรวมรวบข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาคาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า เพื่อดูความเหมาะสมก่อนที่บริษัทจะตัดสินใจลงทุนในระยะต่อไป
ขณะเดียวกัน บริษัทได้เข้าซื้อซองประมูลและเตรียมเข้าประมูลงานบริการเติมน้ำมันอากาศยานในท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งเปรียบเสมือนกับท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเทพฯ แห่งที่ 3 ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถชนะการประมูลได้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในด้านการให้บริการเติมน้ำมันอาศยานที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล และมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่สูง โดยหากชนะการประมูลโครงการดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 2-3 พันล้านบาท
บริษัทยังตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้อื่นๆ ของบริษัทตามแผน 5 ปี (ปี 63-67) เพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันที่ 20% โดยจะมีการขยายงานด้านท่อขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายงานด้านนวัตกรรมและระบบไอทีที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการในท่าอากาศยาน รวมถึงการขายรถเติมน้ำมันให้กับท่าอากาศยานภูมิภาค ซึ่งจะเป็นรายได้เสริมจากธุรกิจหลักของบริษัท เพื่อทำให้บริษัทมีการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต