นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บีฟิท (BSEC) เปิดเผยว่า ในปี 51 บริษัทจะขยายธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากงานด้านค้าหลักทรัพย์ โดยจะรุกเข้าไปในด้านต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง อาทิ ให้บริการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า(AFET) ให้บริการตลาดอนุพันธ์(TFEX) ให้บริการในธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending: SBL) ให้บริการงานกองทุนส่วนบุคคล(Private Fund) บริหารกระแสเงินสดให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น (Cash Management) และบริหารพอร์ตลงทุนของบริษัท (Investment Trading)
"ในปี 2551 ตั้งเป้าที่จะไม่พึ่งพึงรายได้จากงานด้านค้าหลักทรัพย์ให้มากเกินไป จากสถานการณ์ของตลาดหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายค่อนข้างผันผวน แต่จะขยายธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงของธุรกิจและเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดแข่งขันเสรีในอนาคต" นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์ กล่าวถึงงานด้านค้าหลักทรัพย์ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยับขึ้นมาเป็นโบรกเกอร์อันดับ 1 ใน 5 ของประเทศไทย และตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาด (Market share)ประมาณ 4.5-5.0% จากการขยายตลาดลูกค้าอินเตอร์เน็ต เทรดดิ้ง ซึ่งบริษัทมีความพร้อมทั้งบุคลากรและทีมที่มีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพ โดยจะเพิ่มบุคลากรประมาณ 30-40% จากปัจจุบันมีพนักงานจำนวน 300 คน
สิ่งที่เห็นอย่างเป็นรูปธรรมคือ BSEC จะหันมาเน้นการทำธุรกิจด้านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น เพราะมีค่าคอมมิสชั่นเพียง 0.15% ของมูลค่าการซื้อขาย ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าลูกค้าทางอินเตอร์เน็ตจะอยู่ที่ระดับ 60-70% จากปี 50 ซึ่งอยู่ที่ 50% และลูกค้าที่ซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่ทางการตลาด 50% ขณะนี้เป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จและขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในปี 2550 มีมาร์เก็ตแชร์ด้านอินเตอร์เน็ต เทรดดิ้ง ประมาณ 11% -12%
นอกจากนี้ BSEC มีแผนที่จะเปิดสาขาขนาดเล็กเพิ่มขึ้นอีก 2-3 สาขา เพื่อเป็นการขยายฐานเข้าไปให้ถึงกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อยให้มากขึ้น และพยายามจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดของลูกค้าอินเตอร์เน็ต เทรดดิ้ง ให้อยู่ในอันดับที่ 1 ต่อไป รวมถึงดูแลงานในด้านวิจัยหลักทรัพย์ให้ครอบคลุมกับหลักทรัพย์ขนาดกลางและเล็กที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนให้มากขึ้นด้วย
ขณะที่งานด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) คาดว่าในปี 51 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา 100% เนื่องจาก BSEC ได้ขยายทีมงานเพิ่มขึ้นจาก 4 ทีมเป็น 5- 6 ทีมในปัจจุบัน เพื่อรองรับกับลูกค้าที่มาใช้บริการกับบริษัทที่มีจำนวนมากขึ้น โดยขณะนี้มีดีลการนำบริษัทเข้าระดมทุนเสนอขายหุ้นกับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายประมาณ 14-15 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนกว่า 4-5 พันล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--